type Exception report

message

description The server encountered an internal error () that prevented it from fulfilling this request.

exception

Status Code: 503, AWS Service: AmazonSimpleDB, AWS Request ID: 86a74fa8-92f1-446e-fc28-32337f2c7744, AWS Error Code: ServiceUnavailable, AWS Error Message: Service AmazonSimpleDB is currently unavailable. Please try again later
	com.amazonaws.http.AmazonHttpClient.handleErrorResponse(AmazonHttpClient.java:548)
	com.amazonaws.http.AmazonHttpClient.executeHelper(AmazonHttpClient.java:288)
	com.amazonaws.http.AmazonHttpClient.execute(AmazonHttpClient.java:170)
	com.amazonaws.services.simpledb.AmazonSimpleDBClient.invoke(AmazonSimpleDBClient.java:771)
	com.amazonaws.services.simpledb.AmazonSimpleDBClient.putAttributes(AmazonSimpleDBClient.java:315)
	com.twiitch.kartworld.DatabaseConnection.postAnalyticEvent(DatabaseConnection.java:5518)
	com.twiitch.kartworld.KartWorld.login(KartWorld.java:320)
	com.twiitch.kartworld.KartWorld.doPost(KartWorld.java:37)
	javax.servlet.http.HttpServlet.service(HttpServlet.java:641)
	javax.servlet.http.HttpServlet.service(HttpServlet.java:722)

 

note The full stack trace of the root cause is available in the Apache Tomcat/7.0.22 logs.

 type Exception report

message

description The server encountered an internal error () that prevented it from fulfilling this request.

exception

Status Code: 503, AWS Service: AmazonSimpleDB, AWS Request ID: 86a74fa8-92f1-446e-fc28-32337f2c7744, AWS Error Code: ServiceUnavailable, AWS Error Message: Service AmazonSimpleDB is currently unavailable. Please try again later
com.amazonaws.http.AmazonHttpClient.handleErrorResponse(AmazonHttpClient.java:548)
com.amazonaws.http.AmazonHttpClient.executeHelper(AmazonHttpClient.java:288)
com.amazonaws.http.AmazonHttpClient.execute(AmazonHttpClient.java:170)
com.amazonaws.services.simpledb.AmazonSimpleDBClient.invoke(AmazonSimpleDBClient.java:771)
com.amazonaws.services.simpledb.AmazonSimpleDBClient.putAttributes(AmazonSimpleDBClient.java:315)
com.twiitch.kartworld.DatabaseConnection.postAnalyticEvent(DatabaseConnection.java:5518)
com.twiitch.kartworld.KartWorld.login(KartWorld.java:320)
com.twiitch.kartworld.KartWorld.doPost(KartWorld.java:37)
javax.servlet.http.HttpServlet.service(HttpServlet.java:641)
javax.servlet.http.HttpServlet.service(HttpServlet.java:722)
note The full stack trace of the root cause is available in the Apache Tomcat/7.0.22 logs.

ประกาศรายชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับรายชื่อนักเตะ23คนทั้ง16ทีมในชุดลุยศึกยูโร2012

 กลุ่ม เอ


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโปแลนด์ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : วอจเซียค เซสนี่ (อาร์เซน่อล), เพอร์เซมีสลาฟ ไททัน (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), เกรกอร์ซ ซานโดเมียร์สกี้ (เกงค์)

กองหลัง : เซบาสเตียน โบนิช (แวร์เดอร์ เบรเมน), มาร์ซิน กามินสกี (เลช พอซนัน), เดเมียน แปร์กุยส์ (โซโชซ์), ลูคัสซ์ พิซเซ็ค (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ (อันเดอร์เลชท์), ยาคุบ วาวซีเนียค (ลีเกีย วอร์ซอว์), เกรเซกอร์ซ วอจโคเวียค (เลช พอซนัน)

กองกลาง : ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ดาริอุสซ์ ดุดก้า (โอแซร์), คามิล โกรซิกกี (ซิลวาสปอร์), อดัม มาตุสซ์คซิค (ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ), เอเดรียน เมียร์เซเยฟสกี้ (แทร็บซอนสเปอร์), ราฟาล มูราฟสกี้ (เลช พอซนัน), ลูโดวิช โอบราเนียค (บอร์กโดซ์), ออยเก้น โพลันสกี้ (ไมนซ์ 05), มาเซียจ ไรบัส (เตเร็ค กรอซนี่ย์), ราฟาล โวลสกี้ (ลีเกีย วอร์ซอว์)

กองหน้า : พาเวล โบรเซค (กลาสโกว์ เซลติก), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อาร์เทอร์ โซเบียช (ฮันโนเวอร์ 96)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติกรีซ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อเล็กซานดรอส ซอร์วาส (ปาแลร์โม่), มิชาลิส ซิฟาคิส (อาริส), คอสตาส ชาลเคียส (พีเอโอเค

กองหลัง : คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส (ชาลเก้ 04), โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส (แวร์เดอร์ เบรเมน), วาซิลิส โทโรซิดิส (โอลิมเปียกอส), อัฟราม ปาปาโดปูลอส (โอลิมเปียกอส), จอร์จอส ซาเวลาส (อาแอส โมนาโก), สเตลิออส มาเลซาส (พีเอโอเค), โฮเซ่ โฮเลบาส (โอลิมเปียกอส)

กองกลาง : กริกอริส มาคอส (เออีเค เอเธนส์), จานนิส มาเนียติส (โอลิมเปียกอส), คอสตาส คัตซูรานิส (พานาธิไนกอส), จอร์จอส คารากูนิส (พานาธิไนกอส), โซติริส นินิส (พานาธิไนกอส), จอร์จอส โฟตาคิส (พีเอโอเค), คอสตาส ฟอร์ตูนิส (ไกเซอร์สเลาเทิร์น), จานนิส เฟตฟัตซิดิส (โอลิมเปียกอส)

กองหน้า : จอร์จอส ซามาราส (กลาสโกว์ เซลติก), ดิมิตริส ซัลปินจิดิส (พีเอโอเค), ธีโอฟานิส เกคาส (ซัมซุนสปอร์กี), นิคอส ลิเบโรปูลอส (เออีเค เอเธนส์), คอสตาส มิโทรกลู (อโตรมิตอส)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติรัสเซีย ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อิกอร์ อคินเฟเยฟ (ซีเอสเคเอ มอสโก), วาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), แอนทอน ชูนิน (ดินาโม มอสโก)

กองหลัง : อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), อเล็กเซ เบเรซุตสกี้ (ซีเอสเคเอ มอสโก), เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช (ซีเอสเคเอ มอสโก), โรมัน ชาโรนอฟ (รูบิน คาซาน),  วลาดิเมียร์ กรานัต (ดินาโม มอสโก), คิริลล์ นาบั๊บกิ้น (ซีเอสเคเอ มอสโก)

กองกลาง : อิกอร์ เดนิซอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), โรมัน ชิโรคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), คอนสแตนติน ซีร์ยานอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), ยูริ ชีร์คอฟ (อันจิ มาคาชคาล่า), อลัน ซาโกเยฟ (ซีเอสเคเอ มอสโก),  อิกอร์ เซมชอฟ (ดินาโม มอสโก), เดนิส กลูชาคอฟ (โลโคโมทีฟ มอสโก), มารัต อิซไมลอฟ (สปอร์ติ้ง ลิสบอน / โปรตุเกส), ดมิทรี คอมบารอฟ (สปาร์ตัก มอสโก)

กองหน้า : อังเดร อาร์ชาวิน (อาร์เซน่อล / อังกฤษ), อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), โรมัน พาฟลิวเชนโก้ (โลโคโมทีฟ มอสโก), อเล็กซานเดอร์ โคโคริน (ดินาโม มอสโก), พาเวล โพเกร็บเนี้ยค (ฟูแล่ม / อังกฤษ)

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ เช็ก (เชลซี), ยาน ลาสตุฟก้า (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), ยาโรสลาฟ ดร็อบนี่ (ฮัมบูร์ก เอสเฟา)

กองหลัง : โทมัส ซิว็อค (เบซิคตัส), มิชาล คาดเล็ช (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), โรมัน ฮับนิค (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน), ธีโอดอร์ เกเบร เซลาสซี่ (สโลวาน ลิเบอเร็ซ), เดวิด ลิมเบอร์สกี้ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), มาเร็ก ซูซี่ (สปาร์ตัก มอสโก), ฟรานติเซ็ค รายโตรัล (วิคตอเรีย พิลเซ่น)

กองกลาง : โทมัส โรซิชกี้ (อาร์เซน่อล), ยาโรสลาฟ พลาซิล (บอร์กโดซ์), โทมัส ฮุบช์มัน (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), แยน เรเซ็ค (อนอร์โธซิส ฟามากุสต้า), มิลาน ปีเตอร์เซล่า (วิคตอเรีย พิลเซ่น), ดาเนียล โกลาร์ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), วัคลาฟ ปิลาร์ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), ปีเตอร์ ยิราเซ็ค (เฟาเอฟแอล โวล์ฟบวร์ก), วลาดิเมียร์ ดาริต้า (วิคตอเรีย พิลเซ่น)

กองหน้า : มิลาน บารอส (กาลาตาซาราย), ดาวิด ลาฟาตา (ยาบโลเนค), โทมัส เป็คฮาร์ท (เนิร์นแบร์ก), โทมัส เนซิด (ซีเอสเคเอ มอสโก)

 

กลุ่ม บี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติเยอรมันชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์น มิวนิค), ทิม วีเซ่ (แวร์เดอร์ เบรเมน), รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ (ฮันโนเวอร์)

กองหลัง : โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ (บาเยิร์น มิวนิค), เจอโรม บัวเต็ง (บาเยิร์น มิวนิค), เบเนดิคท์ โฮเวเดส (ชาลเก้ 04), มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ฟิลิปป์ ลาห์ม (บาเยิร์น มิวนิค), มาร์เซล ชเมลเซอร์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) แพร์ เเมร์เตซัคเคอร์ (อาร์เซน่อล)

กองกลาง : ลาร์ส เบนเดอร์ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), โทนี่ โครส (บาเยิร์น มิวนิค), โธมัส มุลเลอร์ (บาเยิร์น มิวนิค), เมซุต โอซิล (เรอัล มาดริด), อันเดร ชูรร์เล่ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), ซามี่ เคดิร่า (เรอัล มาดริด), บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ (บาเยิร์น), มาริโอ เกิทเซ่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อิลกาย กุนโดกัน (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

กองหน้า : มาริโอ โกเมซ (บาเยิร์น มิวนิค), มิโรสลาฟ โคลเซ่ (ลาซิโอ), ลูคัส โพดอลสกี้ (อาร์เซน่อล), มาร์โค รอยส์ (โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติฮอลแลนด์ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก (โรม่า), มิเชล ฟอร์ม (สวอนซี), ทิม ครูล (นิวคาสเซิ่ล)

กองหลัง : โยริส มาไธจ์เซ่น (มาลาก้า), จอห์นนี่ ไฮติงก้า (เอฟเวอร์ตัน), คาลิด บูห์ลารูซ (สตุ๊ตการ์ท), วิลเฟรด เบาม่า (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), เยโทร วิลเล่มส์ (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น), เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), รอน ฟลาร์ (เฟเยนูร์ด

กลองกลาง : ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (สเปอร์ส), ไนเจล เด ยองก์ (แมนฯ ซิตี้), เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (อินเตอร์ มิลาน), อาร์เยน ร็อบเบน (บาเยิร์น มิวนิค), อิบราฮิม อเฟลลาย (บาร์เซโลน่า), สไตน์ ชาร์ส (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), เควิน สตรูทมัน (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น), มาร์ค ฟาน บอมเมล (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น)

กองหน้า : เดิร์ค เค้าท์ (ลิเวอร์พูล), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (อาร์เซน่อล), คลาส แยน ฮุนเตลาร์ (ชาลเก้ 04), ลุค เดอ ยองก์ (ทเวนเต้), ลูเซียโน่ นาร์ซิงห์ (ฮีเรนวีน)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติเดนมาร์กชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : สเตฟาน อันเดอร์เซ่น (เอวิยอง), อันเดอร์ส ลินเดการ์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (เลสเตอร์ ซิตี้)

กองหลัง : ลาร์ส ยาค็อบเซ่น (เอฟซี โคเปนเฮเก้น), ซิมอน โพลเซ่น (อาแซ่ด อัลค์มาร์), ดาเนี่ยล วาสส์ (เอวิยอง), ซิมอน เคียร์ (โรม่า), แดเนียล แอ็กเกอร์ (ลิเวอร์พูล), อันเดรียส เบยัลลันด์ (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์), โยเรส โอโกเร่ (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์)

กองกลาง : วิลเลี่ยม ควิสต์ (สตุ๊ตการ์ท), คริสเตียน โพลเซ่น (เอวิยอง), นิกิ ซิมลิ่ง (คลับ บรูช), จาค็อบ โพลเซ่น (มิดทิลแลนด์), ลาสส์ โชน (เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น), โทเบียส มิคเคลเซ่น (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์), ไมเคิล โครห์น-เดห์ลี่ (บรอนด์บี้), โธมัส คาห์เลนเบิร์ก (เอวิยอง), ไมเคิล ซิลเบอร์เบาเออร์ (ยัง บอยส์)

กองหน้า : คริสเตียน อีริคเซ่น (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), นิคลาส พีเดอร์เซ่น (เอฟซี โกรนิงเกน), นิคลาส เบนท์เนอร์ (อาร์เซน่อล), เดนนิส รอมเมดาห์ล (บรอนด์บี้)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโปรตุเกสชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เอดูอาร์โด้ (เบนฟิก้า), รุย ปาทริซิโอ (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), เบโต้ (ซีเอฟอาร์ คลูช)

กองหลัง : บรูโน่ อัลเวส  (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), เปเป้ (เรอัล มาดริด), ฟาบิโอ โกเอนเตรา (เรอัล มาดริด), ริคาร์โด้ คอสต้า (บาเลนเซีย), เจา เปเรยร่า (บาเลนเซีย), อูโก้ มิเกล โลเปส (บราก้า), โรลันโด้ (เอฟซี ปอร์โต้)

กองกลาง : มิเกล เวโลโซ่ (เจนัว), รูเบน มิคาแอล (เรอัล ซาราโกซ่า), ราอูล เมยเรเลส (เชลซี), ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (เบซิคตัส), คัสตูดิโอ (บราก้า), อูโก้ วิอาน่า (บราก้า), เจา มูตินโญ่ (เอฟซี ปอร์โต้)

กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด), เอลแดร์ ปอสติก้า (เรอัล ซาราโกซ่า), หลุยส์ นานี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด), อูโก้ อัลเมยด้า (เบซิคตัส), ซิลเวสเตร วาเลร่า (เอฟซี ปอร์โต้), เนลสัน โอลิเวยร่า (เบนฟิก้า)

 

กลุ่ม ซี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติสเปน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อีเกร์ กาซียาส (เรอัล มาดริด), บิคตอร์ บัลเดส (บาร์เซโลน่า), โฆเซ่ มานูเอล เรน่า (ลิเวอร์พูล)

กองหลัง : ราอูล อัลบิโอล (เรอัล มาดริด), เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า), ฆาบี มาร์ติเนซ (แอธเลติก บิลเบา), ฆวนฟราน ตอร์เรส (แอตเลติโก มาดริด), เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด), อัลบาโร่ อาร์เบลัว (เรอัล มาดริด), จอร์ดี้ อัลบา (บาเลนเซีย)

กองกลาง : อันเดรส อิเนียสต้า (บาร์เซโลน่า), ชาบี เอร์นานเดซ (บาร์เซโลน่า), เชส ฟาเบรกาส (บาร์เซโลน่า), ฆวน มาต้า (เชลซี), ชาบี อลอนโซ่ (เรอัล มาดริด), เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลน่า), ซานติ กาซอร์ล่า (มาลาก้า), ดาบิด ซิลบา (แมนฯ ซิตี้), เฆซุส นาบาส (เซบีย่า)

กองหน้า : เปโดร โรดริเกซ (บาร์เซโลน่า), เฟร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี), อัลบาโร่ เนเกรโด้ (เซบีย่า), เฟร์นานโด ยอเรนเต้ (แอธเลติก บิลเบา)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติอิตาลี ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ บุฟฟ่อน (ยูเวนตุส), ซัลวาตอเร่ ซิริกู (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง/ฝรั่งเศส), มอร์แกน เด ซานช์ติส (นาโปลี)

กองหลัง : คริสเตียน มาจโจ้ (นาโปลี), อิกนาซิโอ อบาเต้ (เอซี มิลาน), เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ (ปาแลร์โม่), เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ (ยูเวนตุส), อันเดรีย บาร์ซาญี่ (ยูเวนตุส), จอร์โจ้ คิเอลลินี่ (ยูเวนตุส), อันเจโล่ อ็อกบอนนา (โตริโน่)

กองกลาง : อันเดรีย ปีร์โล่ (ยูเวนตุส), เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (ยูเวนตุส), เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ (ยูเวนตุส), ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (โรม่า), ติอาโก้ ม็อตต้า (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง/ฝรั่งเศส), อันโตนิโอ โนเชริโน่ (เอซี มิลาน), ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ (ฟิออเรนติน่า), อเลสซานโดร เดียมานติ (โบโลญญ่า)

กองหน้า : อันโตนิโอ คาสซาโน่ (เอซี มิลาน), มาริโอ บาโลเตลลี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้/อังกฤษ), เซบาสเตียน โจวินโก้ (ปาร์ม่า), อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ (อูดิเนเซ่), ฟาบิโอ บอรินี่ (โรม่า)

 
รายชื่อ 23 นักเตะไอร์แลนด์ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เชย์ กิฟเว่น (แอสตัน วิลล่า), คีเรน เวสต์วู้ด (ซันเดอร์แลนด์), เดวิด ฟอร์ด (มิลล์วอลล์)

กองหลัง : จอห์น โอเช (ซันเดอร์แลนด์), ริชาร์ด ดันน์ (แอสตัน วิลล่า), ชอน เซนต์ เล็ดเจอร์ (เลสเตอร์ ซิตี้), สตีเฟ่น วอร์ด (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), สตีเฟ่น เคลลี่ (ฟูแล่ม), ดาร์เรน โอเชีย (กลาสโกว์ เซลติก), พอล แม็คเชน (ฮัลล์ ซิตี้)

กองกลาง : คีธ แอนดรูว์ส (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), เกล็น วีแลน (สโต๊ค ซิตี้), ดาร์รอน กิ๊บสัน (เอฟเวอร์ตัน), เดเมี่ยน ดัฟฟ์ (ฟูแล่ม), ไอเดน แม็คเกียดี้ (สปาร์ตัก มอสโก/รัสเซีย), สตีเฟ่น ฮันท์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), เจมส์ แม็คคลีน (ซันเดอร์แลนด์), พอล กรีน (ดาร์บี้ เคาน์ตี้)

กองหน้า : ร็อบบี้ คีน (แอลเอ แกแล็กซี่/สหรัฐอเมริกา), เควิน ดอยล์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), ไซม่อน ค็อกซ์ (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), โจนาธาน วอลเตอร์ส (สโต๊ค ซิตี้), เชน ลอง (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโครเอเชีย  ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : สติเป้ เปลติโกซ่า (รอสตอฟ), ดานิเยล ซูบาซิช (โมนาโก), อิวาน เคลาว่า (ดินาโม ซาเกร็บ)

กองหลัง : โยซิป ซิมูนิช (ดินาโม ซาเกร็บ), เวดราน ชอร์ลูก้า (เลเวอร์คูเซ่น), ดานิเยล ปรานยิช (บาเยิร์น มิวนิค), อิวาน สตรินิช (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), กอร์ดอน ชิลเดนเฟลด์ (ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต), โดมากอย วิด้า (ดินาโม ซาเกร็บ), ยูริก้า บุลยัต (มัคคาบี้ ไฮฟา)

กองกลาง : ดาริโย เซอร์น่า (ชัคเตอร์ โดเนตส์ค), นิโก้ ครานชาร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), ลูก้า โมดริช (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), อิวาน ราคิติช (เซบีย่า), อ็อกเยน วูโกเยวิช (ดินาโม เคียฟ), โทมิสลาฟ ดุยโมวิช (เรอัล ซาราโกซ่า), อิวาน เปริซิช (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อิโว อิลิเชวิช (ฮัมบูร์ก), มิลาน บาเดลจ์ (ดินาโม ซาเกร็บ)

กองหน้า : อิวิก้า โอลิช (บาเยิร์น มิวนิค), เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา (ชัคเตอร์ โดเนตส์ค), มาริโอ มานชูคิช (โวล์ฟสบวร์ก), นิกิช่า เยลาวิช (เอฟเวอร์ตัน)

 

ก่ลุม ดี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติอังกฤษ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : โจ ฮาร์ท (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), โรเบิร์ต กรีน (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด), แจ็ค บัตแลนด์ (เบอร์มิงแฮม ซิตี้)

กองหลัง : เกล็น จอห์นสัน (ลิเวอร์พูล), ฟิล โจนส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี), โจลีออน เลสค็อตต์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), แกรี่ เคฮิลล์ (เชลซี), แอชลี่ย์ โคล (เชลซี), เลห์ตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน), ฟิล จากีลก้า (เอฟเวอร์ตัน)

กองกลาง : ธีโอ วัลค็อตต์ (อาร์เซน่อล), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (ลิเวอร์พูล), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล), แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี), สกอตต์ พาร์เกอร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), แอชลี่ย์ ยัง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (อาร์เซน่อล)

กองหน้า : เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แดนนี่ เวลเบ็ค (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แอนดี้ แคร์โรลล์ (ลิเวอร์พูล), เจอร์เมน เดโฟ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติฝรั่งเศส ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เซดริก การ์รัสโซ่ (บอร์กโดซ์), อูโก้ โยริส (โอลิมปิก ลียง), สตีฟ ม็องด็องด้า (โอลิมปิก มาร์กเซย)

กองหลัง : กาแอล กลิชี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), มาติเยอ เดอบูชี่ (ลีลล์), ปาทริซ เอวร่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ (อาร์เซน่อล), ฟิลิปป์ เม็กแซส (เอซี มิลาน), อาดิล รามี่ (บาเลนเซีย), อ็องโตนี่ เรเวยแยร์ (โอลิมปิก ลียง)

กองกลาง : โยอัน กาบาย (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด), อาลู ดิยาร์ร่า (โอลิมปิก มาร์กเซย), ฟลอร็องต์ มาลูด้า (เชลซี), มาร์กแว็ง มาร์กแต็ง (โซโชซ์), แบลส มาตุยดี้ (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง), ยันน์ เอ็มวีล่า (แรนส์), ซามีร์ นาสรี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ฟร้องค์ ริเบรี่ (บาเยิร์น มิวนิค), มาติเยอ วัลบูเอน่า (โอลิมปิก มาร์กเซย)

กองหน้า : อาเต็ม เบน อาร์กฟา (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด), คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มงต์เปลลิเย่ร์), เฌเรมี่ เมเนซ (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง)

 
รายชื่อ 23 นักเตะยูเครน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อังเดร เพียตอฟ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), โอเล็กซานเดอร์ กอร์ไยนอฟ (เมตาลิสต์ คาร์คีฟ), มักซิม โควาล (ดินาโม เคียฟ)

กองหลัง : โอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ (ชัคตาร์ โดเนทส์ค), ยาโรสลาฟ ราคิตสกี้ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), เวียเชสลาฟ เชฟชุค (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), เยฟเก้น คาเชริดี้ (ดินาโม เคียฟ), ทาราส มิคาลิค (ดินาโม เคียฟ), เยฟเก้น เซลิน (วอร์สคล่า), บ็อกดาน บุตโก้ (อิลลิชิเว็ตส์)

กองกลาง : อนาโตลี ติโมชุค (บาเยิร์น มิวนิค), โอเล็กซานเดอร์ อาลิเยฟ (ดินาโม เคียฟ), เดนิส การ์มาช (ดินาโม เคียฟ), โอเล็ก กูเซฟ (ดินาโม เคียฟ), อังเดร ยาร์โมเลนโก้ (ดินาโม เคียฟ), เยฟเก้น โคโนเปลียนก้า (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), รุสลัน โรตาน (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), เซอร์เก นาซาเรนโก้ (ทาฟริย่า)

กองหน้า : อาร์เต็ม มิเลฟสกี้ (ดินาโม เคียฟ), อังเดร เชฟเชนโก้ (ดินาโม เคียฟ), มาร์โก เดวิช (เมตาลิสต์ คาร์คีฟ), อังเดร โวโรนิน (ดินาโม มอสโก), เยฟเก้น เซเลซนอฟ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค)

 
รายชื่อ 23 นักเตะสวีเดน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อันเดรียส อิซัคส์สัน (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), โยฮัน วีลันด์ (เอฟซี โคเปนเฮเก้น), พาร์ ฮันส์สัน (เฮลซิงบอร์ก)

กองหลัง : มิคาเอล ลุสติก (เซลติก), โอลอฟ เมลเบิร์ก (โอลิมเปียกอส), อันเดรียส แกรนควิสต์ (เจนัว), มาร์ติน โอลส์สัน (แบล็คเบิร์น), โยน

 กลุ่ม เอ


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโปแลนด์ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : วอจเซียค เซสนี่ (อาร์เซน่อล), เพอร์เซมีสลาฟ ไททัน (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), เกรกอร์ซ ซานโดเมียร์สกี้ (เกงค์)

กองหลัง : เซบาสเตียน โบนิช (แวร์เดอร์ เบรเมน), มาร์ซิน กามินสกี (เลช พอซนัน), เดเมียน แปร์กุยส์ (โซโชซ์), ลูคัสซ์ พิซเซ็ค (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ (อันเดอร์เลชท์), ยาคุบ วาวซีเนียค (ลีเกีย วอร์ซอว์), เกรเซกอร์ซ วอจโคเวียค (เลช พอซนัน)

กองกลาง : ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ดาริอุสซ์ ดุดก้า (โอแซร์), คามิล โกรซิกกี (ซิลวาสปอร์), อดัม มาตุสซ์คซิค (ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ), เอเดรียน เมียร์เซเยฟสกี้ (แทร็บซอนสเปอร์), ราฟาล มูราฟสกี้ (เลช พอซนัน), ลูโดวิช โอบราเนียค (บอร์กโดซ์), ออยเก้น โพลันสกี้ (ไมนซ์ 05), มาเซียจ ไรบัส (เตเร็ค กรอซนี่ย์), ราฟาล โวลสกี้ (ลีเกีย วอร์ซอว์)

กองหน้า : พาเวล โบรเซค (กลาสโกว์ เซลติก), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อาร์เทอร์ โซเบียช (ฮันโนเวอร์ 96)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติกรีซ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อเล็กซานดรอส ซอร์วาส (ปาแลร์โม่), มิชาลิส ซิฟาคิส (อาริส), คอสตาส ชาลเคียส (พีเอโอเค

กองหลัง : คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส (ชาลเก้ 04), โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส (แวร์เดอร์ เบรเมน), วาซิลิส โทโรซิดิส (โอลิมเปียกอส), อัฟราม ปาปาโดปูลอส (โอลิมเปียกอส), จอร์จอส ซาเวลาส (อาแอส โมนาโก), สเตลิออส มาเลซาส (พีเอโอเค), โฮเซ่ โฮเลบาส (โอลิมเปียกอส)

กองกลาง : กริกอริส มาคอส (เออีเค เอเธนส์), จานนิส มาเนียติส (โอลิมเปียกอส), คอสตาส คัตซูรานิส (พานาธิไนกอส), จอร์จอส คารากูนิส (พานาธิไนกอส), โซติริส นินิส (พานาธิไนกอส), จอร์จอส โฟตาคิส (พีเอโอเค), คอสตาส ฟอร์ตูนิส (ไกเซอร์สเลาเทิร์น), จานนิส เฟตฟัตซิดิส (โอลิมเปียกอส)

กองหน้า : จอร์จอส ซามาราส (กลาสโกว์ เซลติก), ดิมิตริส ซัลปินจิดิส (พีเอโอเค), ธีโอฟานิส เกคาส (ซัมซุนสปอร์กี), นิคอส ลิเบโรปูลอส (เออีเค เอเธนส์), คอสตาส มิโทรกลู (อโตรมิตอส)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติรัสเซีย ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อิกอร์ อคินเฟเยฟ (ซีเอสเคเอ มอสโก), วาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), แอนทอน ชูนิน (ดินาโม มอสโก)

กองหลัง : อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), อเล็กเซ เบเรซุตสกี้ (ซีเอสเคเอ มอสโก), เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช (ซีเอสเคเอ มอสโก), โรมัน ชาโรนอฟ (รูบิน คาซาน),  วลาดิเมียร์ กรานัต (ดินาโม มอสโก), คิริลล์ นาบั๊บกิ้น (ซีเอสเคเอ มอสโก)

กองกลาง : อิกอร์ เดนิซอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), โรมัน ชิโรคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), คอนสแตนติน ซีร์ยานอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), ยูริ ชีร์คอฟ (อันจิ มาคาชคาล่า), อลัน ซาโกเยฟ (ซีเอสเคเอ มอสโก),  อิกอร์ เซมชอฟ (ดินาโม มอสโก), เดนิส กลูชาคอฟ (โลโคโมทีฟ มอสโก), มารัต อิซไมลอฟ (สปอร์ติ้ง ลิสบอน / โปรตุเกส), ดมิทรี คอมบารอฟ (สปาร์ตัก มอสโก)

กองหน้า : อังเดร อาร์ชาวิน (อาร์เซน่อล / อังกฤษ), อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), โรมัน พาฟลิวเชนโก้ (โลโคโมทีฟ มอสโก), อเล็กซานเดอร์ โคโคริน (ดินาโม มอสโก), พาเวล โพเกร็บเนี้ยค (ฟูแล่ม / อังกฤษ)

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ เช็ก (เชลซี), ยาน ลาสตุฟก้า (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), ยาโรสลาฟ ดร็อบนี่ (ฮัมบูร์ก เอสเฟา)

กองหลัง : โทมัส ซิว็อค (เบซิคตัส), มิชาล คาดเล็ช (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), โรมัน ฮับนิค (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน), ธีโอดอร์ เกเบร เซลาสซี่ (สโลวาน ลิเบอเร็ซ), เดวิด ลิมเบอร์สกี้ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), มาเร็ก ซูซี่ (สปาร์ตัก มอสโก), ฟรานติเซ็ค รายโตรัล (วิคตอเรีย พิลเซ่น)

กองกลาง : โทมัส โรซิชกี้ (อาร์เซน่อล), ยาโรสลาฟ พลาซิล (บอร์กโดซ์), โทมัส ฮุบช์มัน (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), แยน เรเซ็ค (อนอร์โธซิส ฟามากุสต้า), มิลาน ปีเตอร์เซล่า (วิคตอเรีย พิลเซ่น), ดาเนียล โกลาร์ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), วัคลาฟ ปิลาร์ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), ปีเตอร์ ยิราเซ็ค (เฟาเอฟแอล โวล์ฟบวร์ก), วลาดิเมียร์ ดาริต้า (วิคตอเรีย พิลเซ่น)

กองหน้า : มิลาน บารอส (กาลาตาซาราย), ดาวิด ลาฟาตา (ยาบโลเนค), โทมัส เป็คฮาร์ท (เนิร์นแบร์ก), โทมัส เนซิด (ซีเอสเคเอ มอสโก)

 

กลุ่ม บี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติเยอรมันชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์น มิวนิค), ทิม วีเซ่ (แวร์เดอร์ เบรเมน), รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ (ฮันโนเวอร์)

กองหลัง : โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ (บาเยิร์น มิวนิค), เจอโรม บัวเต็ง (บาเยิร์น มิวนิค), เบเนดิคท์ โฮเวเดส (ชาลเก้ 04), มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ฟิลิปป์ ลาห์ม (บาเยิร์น มิวนิค), มาร์เซล ชเมลเซอร์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) แพร์ เเมร์เตซัคเคอร์ (อาร์เซน่อล)

กองกลาง : ลาร์ส เบนเดอร์ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), โทนี่ โครส (บาเยิร์น มิวนิค), โธมัส มุลเลอร์ (บาเยิร์น มิวนิค), เมซุต โอซิล (เรอัล มาดริด), อันเดร ชูรร์เล่ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), ซามี่ เคดิร่า (เรอัล มาดริด), บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ (บาเยิร์น), มาริโอ เกิทเซ่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อิลกาย กุนโดกัน (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

กองหน้า : มาริโอ โกเมซ (บาเยิร์น มิวนิค), มิโรสลาฟ โคลเซ่ (ลาซิโอ), ลูคัส โพดอลสกี้ (อาร์เซน่อล), มาร์โค รอยส์ (โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติฮอลแลนด์ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก (โรม่า), มิเชล ฟอร์ม (สวอนซี), ทิม ครูล (นิวคาสเซิ่ล)

กองหลัง : โยริส มาไธจ์เซ่น (มาลาก้า), จอห์นนี่ ไฮติงก้า (เอฟเวอร์ตัน), คาลิด บูห์ลารูซ (สตุ๊ตการ์ท), วิลเฟรด เบาม่า (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), เยโทร วิลเล่มส์ (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น), เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), รอน ฟลาร์ (เฟเยนูร์ด

กลองกลาง : ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (สเปอร์ส), ไนเจล เด ยองก์ (แมนฯ ซิตี้), เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (อินเตอร์ มิลาน), อาร์เยน ร็อบเบน (บาเยิร์น มิวนิค), อิบราฮิม อเฟลลาย (บาร์เซโลน่า), สไตน์ ชาร์ส (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), เควิน สตรูทมัน (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น), มาร์ค ฟาน บอมเมล (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น)

กองหน้า : เดิร์ค เค้าท์ (ลิเวอร์พูล), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (อาร์เซน่อล), คลาส แยน ฮุนเตลาร์ (ชาลเก้ 04), ลุค เดอ ยองก์ (ทเวนเต้), ลูเซียโน่ นาร์ซิงห์ (ฮีเรนวีน)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติเดนมาร์กชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : สเตฟาน อันเดอร์เซ่น (เอวิยอง), อันเดอร์ส ลินเดการ์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (เลสเตอร์ ซิตี้)

กองหลัง : ลาร์ส ยาค็อบเซ่น (เอฟซี โคเปนเฮเก้น), ซิมอน โพลเซ่น (อาแซ่ด อัลค์มาร์), ดาเนี่ยล วาสส์ (เอวิยอง), ซิมอน เคียร์ (โรม่า), แดเนียล แอ็กเกอร์ (ลิเวอร์พูล), อันเดรียส เบยัลลันด์ (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์), โยเรส โอโกเร่ (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์)

กองกลาง : วิลเลี่ยม ควิสต์ (สตุ๊ตการ์ท), คริสเตียน โพลเซ่น (เอวิยอง), นิกิ ซิมลิ่ง (คลับ บรูช), จาค็อบ โพลเซ่น (มิดทิลแลนด์), ลาสส์ โชน (เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น), โทเบียส มิคเคลเซ่น (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์), ไมเคิล โครห์น-เดห์ลี่ (บรอนด์บี้), โธมัส คาห์เลนเบิร์ก (เอวิยอง), ไมเคิล ซิลเบอร์เบาเออร์ (ยัง บอยส์)

กองหน้า : คริสเตียน อีริคเซ่น (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), นิคลาส พีเดอร์เซ่น (เอฟซี โกรนิงเกน), นิคลาส เบนท์เนอร์ (อาร์เซน่อล), เดนนิส รอมเมดาห์ล (บรอนด์บี้)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโปรตุเกสชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เอดูอาร์โด้ (เบนฟิก้า), รุย ปาทริซิโอ (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), เบโต้ (ซีเอฟอาร์ คลูช)

กองหลัง : บรูโน่ อัลเวส  (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), เปเป้ (เรอัล มาดริด), ฟาบิโอ โกเอนเตรา (เรอัล มาดริด), ริคาร์โด้ คอสต้า (บาเลนเซีย), เจา เปเรยร่า (บาเลนเซีย), อูโก้ มิเกล โลเปส (บราก้า), โรลันโด้ (เอฟซี ปอร์โต้)

กองกลาง : มิเกล เวโลโซ่ (เจนัว), รูเบน มิคาแอล (เรอัล ซาราโกซ่า), ราอูล เมยเรเลส (เชลซี), ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (เบซิคตัส), คัสตูดิโอ (บราก้า), อูโก้ วิอาน่า (บราก้า), เจา มูตินโญ่ (เอฟซี ปอร์โต้)

กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด), เอลแดร์ ปอสติก้า (เรอัล ซาราโกซ่า), หลุยส์ นานี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด), อูโก้ อัลเมยด้า (เบซิคตัส), ซิลเวสเตร วาเลร่า (เอฟซี ปอร์โต้), เนลสัน โอลิเวยร่า (เบนฟิก้า)

 

กลุ่ม ซี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติสเปน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อีเกร์ กาซียาส (เรอัล มาดริด), บิคตอร์ บัลเดส (บาร์เซโลน่า), โฆเซ่ มานูเอล เรน่า (ลิเวอร์พูล)

กองหลัง : ราอูล อัลบิโอล (เรอัล มาดริด), เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า), ฆาบี มาร์ติเนซ (แอธเลติก บิลเบา), ฆวนฟราน ตอร์เรส (แอตเลติโก มาดริด), เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด), อัลบาโร่ อาร์เบลัว (เรอัล มาดริด), จอร์ดี้ อัลบา (บาเลนเซีย)

กองกลาง : อันเดรส อิเนียสต้า (บาร์เซโลน่า), ชาบี เอร์นานเดซ (บาร์เซโลน่า), เชส ฟาเบรกาส (บาร์เซโลน่า), ฆวน มาต้า (เชลซี), ชาบี อลอนโซ่ (เรอัล มาดริด), เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลน่า), ซานติ กาซอร์ล่า (มาลาก้า), ดาบิด ซิลบา (แมนฯ ซิตี้), เฆซุส นาบาส (เซบีย่า)

กองหน้า : เปโดร โรดริเกซ (บาร์เซโลน่า), เฟร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี), อัลบาโร่ เนเกรโด้ (เซบีย่า), เฟร์นานโด ยอเรนเต้ (แอธเลติก บิลเบา)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติอิตาลี ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ บุฟฟ่อน (ยูเวนตุส), ซัลวาตอเร่ ซิริกู (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง/ฝรั่งเศส), มอร์แกน เด ซานช์ติส (นาโปลี)

กองหลัง : คริสเตียน มาจโจ้ (นาโปลี), อิกนาซิโอ อบาเต้ (เอซี มิลาน), เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ (ปาแลร์โม่), เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ (ยูเวนตุส), อันเดรีย บาร์ซาญี่ (ยูเวนตุส), จอร์โจ้ คิเอลลินี่ (ยูเวนตุส), อันเจโล่ อ็อกบอนนา (โตริโน่)

กองกลาง : อันเดรีย ปีร์โล่ (ยูเวนตุส), เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (ยูเวนตุส), เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ (ยูเวนตุส), ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (โรม่า), ติอาโก้ ม็อตต้า (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง/ฝรั่งเศส), อันโตนิโอ โนเชริโน่ (เอซี มิลาน), ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ (ฟิออเรนติน่า), อเลสซานโดร เดียมานติ (โบโลญญ่า)

กองหน้า : อันโตนิโอ คาสซาโน่ (เอซี มิลาน), มาริโอ บาโลเตลลี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้/อังกฤษ), เซบาสเตียน โจวินโก้ (ปาร์ม่า), อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ (อูดิเนเซ่), ฟาบิโอ บอรินี่ (โรม่า)

 
รายชื่อ 23 นักเตะไอร์แลนด์ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เชย์ กิฟเว่น (แอสตัน วิลล่า), คีเรน เวสต์วู้ด (ซันเดอร์แลนด์), เดวิด ฟอร์ด (มิลล์วอลล์)

กองหลัง : จอห์น โอเช (ซันเดอร์แลนด์), ริชาร์ด ดันน์ (แอสตัน วิลล่า), ชอน เซนต์ เล็ดเจอร์ (เลสเตอร์ ซิตี้), สตีเฟ่น วอร์ด (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), สตีเฟ่น เคลลี่ (ฟูแล่ม), ดาร์เรน โอเชีย (กลาสโกว์ เซลติก), พอล แม็คเชน (ฮัลล์ ซิตี้)

กองกลาง : คีธ แอนดรูว์ส (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), เกล็น วีแลน (สโต๊ค ซิตี้), ดาร์รอน กิ๊บสัน (เอฟเวอร์ตัน), เดเมี่ยน ดัฟฟ์ (ฟูแล่ม), ไอเดน แม็คเกียดี้ (สปาร์ตัก มอสโก/รัสเซีย), สตีเฟ่น ฮันท์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), เจมส์ แม็คคลีน (ซันเดอร์แลนด์), พอล กรีน (ดาร์บี้ เคาน์ตี้)

กองหน้า : ร็อบบี้ คีน (แอลเอ แกแล็กซี่/สหรัฐอเมริกา), เควิน ดอยล์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), ไซม่อน ค็อกซ์ (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), โจนาธาน วอลเตอร์ส (สโต๊ค ซิตี้), เชน ลอง (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโครเอเชีย  ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : สติเป้ เปลติโกซ่า (รอสตอฟ), ดานิเยล ซูบาซิช (โมนาโก), อิวาน เคลาว่า (ดินาโม ซาเกร็บ)

กองหลัง : โยซิป ซิมูนิช (ดินาโม ซาเกร็บ), เวดราน ชอร์ลูก้า (เลเวอร์คูเซ่น), ดานิเยล ปรานยิช (บาเยิร์น มิวนิค), อิวาน สตรินิช (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), กอร์ดอน ชิลเดนเฟลด์ (ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต), โดมากอย วิด้า (ดินาโม ซาเกร็บ), ยูริก้า บุลยัต (มัคคาบี้ ไฮฟา)

กองกลาง : ดาริโย เซอร์น่า (ชัคเตอร์ โดเนตส์ค), นิโก้ ครานชาร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), ลูก้า โมดริช (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), อิวาน ราคิติช (เซบีย่า), อ็อกเยน วูโกเยวิช (ดินาโม เคียฟ), โทมิสลาฟ ดุยโมวิช (เรอัล ซาราโกซ่า), อิวาน เปริซิช (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อิโว อิลิเชวิช (ฮัมบูร์ก), มิลาน บาเดลจ์ (ดินาโม ซาเกร็บ)

กองหน้า : อิวิก้า โอลิช (บาเยิร์น มิวนิค), เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา (ชัคเตอร์ โดเนตส์ค), มาริโอ มานชูคิช (โวล์ฟสบวร์ก), นิกิช่า เยลาวิช (เอฟเวอร์ตัน)

 

ก่ลุม ดี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติอังกฤษ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : โจ ฮาร์ท (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), โรเบิร์ต กรีน (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด), แจ็ค บัตแลนด์ (เบอร์มิงแฮม ซิตี้)

กองหลัง : เกล็น จอห์นสัน (ลิเวอร์พูล), ฟิล โจนส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี), โจลีออน เลสค็อตต์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), แกรี่ เคฮิลล์ (เชลซี), แอชลี่ย์ โคล (เชลซี), เลห์ตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน), ฟิล จากีลก้า (เอฟเวอร์ตัน)

กองกลาง : ธีโอ วัลค็อตต์ (อาร์เซน่อล), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (ลิเวอร์พูล), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล), แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี), สกอตต์ พาร์เกอร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), แอชลี่ย์ ยัง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (อาร์เซน่อล)

กองหน้า : เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แดนนี่ เวลเบ็ค (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แอนดี้ แคร์โรลล์ (ลิเวอร์พูล), เจอร์เมน เดโฟ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติฝรั่งเศส ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เซดริก การ์รัสโซ่ (บอร์กโดซ์), อูโก้ โยริส (โอลิมปิก ลียง), สตีฟ ม็องด็องด้า (โอลิมปิก มาร์กเซย)

กองหลัง : กาแอล กลิชี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), มาติเยอ เดอบูชี่ (ลีลล์), ปาทริซ เอวร่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ (อาร์เซน่อล), ฟิลิปป์ เม็กแซส (เอซี มิลาน), อาดิล รามี่ (บาเลนเซีย), อ็องโตนี่ เรเวยแยร์ (โอลิมปิก ลียง)

กองกลาง : โยอัน กาบาย (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด), อาลู ดิยาร์ร่า (โอลิมปิก มาร์กเซย), ฟลอร็องต์ มาลูด้า (เชลซี), มาร์กแว็ง มาร์กแต็ง (โซโชซ์), แบลส มาตุยดี้ (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง), ยันน์ เอ็มวีล่า (แรนส์), ซามีร์ นาสรี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ฟร้องค์ ริเบรี่ (บาเยิร์น มิวนิค), มาติเยอ วัลบูเอน่า (โอลิมปิก มาร์กเซย)

กองหน้า : อาเต็ม เบน อาร์กฟา (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด), คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มงต์เปลลิเย่ร์), เฌเรมี่ เมเนซ (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง)

 
รายชื่อ 23 นักเตะยูเครน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อังเดร เพียตอฟ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), โอเล็กซานเดอร์ กอร์ไยนอฟ (เมตาลิสต์ คาร์คีฟ), มักซิม โควาล (ดินาโม เคียฟ)

กองหลัง : โอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ (ชัคตาร์ โดเนทส์ค), ยาโรสลาฟ ราคิตสกี้ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), เวียเชสลาฟ เชฟชุค (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), เยฟเก้น คาเชริดี้ (ดินาโม เคียฟ), ทาราส มิคาลิค (ดินาโม เคียฟ), เยฟเก้น เซลิน (วอร์สคล่า), บ็อกดาน บุตโก้ (อิลลิชิเว็ตส์)

กองกลาง : อนาโตลี ติโมชุค (บาเยิร์น มิวนิค), โอเล็กซานเดอร์ อาลิเยฟ (ดินาโม เคียฟ), เดนิส การ์มาช (ดินาโม เคียฟ), โอเล็ก กูเซฟ (ดินาโม เคียฟ), อังเดร ยาร์โมเลนโก้ (ดินาโม เคียฟ), เยฟเก้น โคโนเปลียนก้า (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), รุสลัน โรตาน (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), เซอร์เก นาซาเรนโก้ (ทาฟริย่า)

กองหน้า : อาร์เต็ม มิเลฟสกี้ (ดินาโม เคียฟ), อังเดร เชฟเชนโก้ (ดินาโม เคียฟ), มาร์โก เดวิช (เมตาลิสต์ คาร์คีฟ), อังเดร โวโรนิน (ดินาโม มอสโก), เยฟเก้น เซเลซนอฟ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค)

 
รายชื่อ 23 นักเตะสวีเดน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อันเดรียส อิซัคส์สัน (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), โยฮัน วีลันด์ (เอฟซี โคเปนเฮเก้น), พาร์ ฮันส์สัน (เฮลซิงบอร์ก)

กองหลัง : มิคาเอล ลุสติก (เซลติก), โอลอฟ เมลเบิร์ก (โอลิมเปียกอส), อันเดรียส แกรนควิสต์ (เจนัว), มาร์ติน โอลส์สัน (แบล็คเบิร์น), โยน

 กลุ่ม เอ


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโปแลนด์ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : วอจเซียค เซสนี่ (อาร์เซน่อล), เพอร์เซมีสลาฟ ไททัน (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), เกรกอร์ซ ซานโดเมียร์สกี้ (เกงค์)

กองหลัง : เซบาสเตียน โบนิช (แวร์เดอร์ เบรเมน), มาร์ซิน กามินสกี (เลช พอซนัน), เดเมียน แปร์กุยส์ (โซโชซ์), ลูคัสซ์ พิซเซ็ค (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ (อันเดอร์เลชท์), ยาคุบ วาวซีเนียค (ลีเกีย วอร์ซอว์), เกรเซกอร์ซ วอจโคเวียค (เลช พอซนัน)

กองกลาง : ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ดาริอุสซ์ ดุดก้า (โอแซร์), คามิล โกรซิกกี (ซิลวาสปอร์), อดัม มาตุสซ์คซิค (ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ), เอเดรียน เมียร์เซเยฟสกี้ (แทร็บซอนสเปอร์), ราฟาล มูราฟสกี้ (เลช พอซนัน), ลูโดวิช โอบราเนียค (บอร์กโดซ์), ออยเก้น โพลันสกี้ (ไมนซ์ 05), มาเซียจ ไรบัส (เตเร็ค กรอซนี่ย์), ราฟาล โวลสกี้ (ลีเกีย วอร์ซอว์)

กองหน้า : พาเวล โบรเซค (กลาสโกว์ เซลติก), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อาร์เทอร์ โซเบียช (ฮันโนเวอร์ 96)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติกรีซ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อเล็กซานดรอส ซอร์วาส (ปาแลร์โม่), มิชาลิส ซิฟาคิส (อาริส), คอสตาส ชาลเคียส (พีเอโอเค

กองหลัง : คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส (ชาลเก้ 04), โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส (แวร์เดอร์ เบรเมน), วาซิลิส โทโรซิดิส (โอลิมเปียกอส), อัฟราม ปาปาโดปูลอส (โอลิมเปียกอส), จอร์จอส ซาเวลาส (อาแอส โมนาโก), สเตลิออส มาเลซาส (พีเอโอเค), โฮเซ่ โฮเลบาส (โอลิมเปียกอส)

กองกลาง : กริกอริส มาคอส (เออีเค เอเธนส์), จานนิส มาเนียติส (โอลิมเปียกอส), คอสตาส คัตซูรานิส (พานาธิไนกอส), จอร์จอส คารากูนิส (พานาธิไนกอส), โซติริส นินิส (พานาธิไนกอส), จอร์จอส โฟตาคิส (พีเอโอเค), คอสตาส ฟอร์ตูนิส (ไกเซอร์สเลาเทิร์น), จานนิส เฟตฟัตซิดิส (โอลิมเปียกอส)

กองหน้า : จอร์จอส ซามาราส (กลาสโกว์ เซลติก), ดิมิตริส ซัลปินจิดิส (พีเอโอเค), ธีโอฟานิส เกคาส (ซัมซุนสปอร์กี), นิคอส ลิเบโรปูลอส (เออีเค เอเธนส์), คอสตาส มิโทรกลู (อโตรมิตอส)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติรัสเซีย ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อิกอร์ อคินเฟเยฟ (ซีเอสเคเอ มอสโก), วาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), แอนทอน ชูนิน (ดินาโม มอสโก)

กองหลัง : อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), อเล็กเซ เบเรซุตสกี้ (ซีเอสเคเอ มอสโก), เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช (ซีเอสเคเอ มอสโก), โรมัน ชาโรนอฟ (รูบิน คาซาน),  วลาดิเมียร์ กรานัต (ดินาโม มอสโก), คิริลล์ นาบั๊บกิ้น (ซีเอสเคเอ มอสโก)

กองกลาง : อิกอร์ เดนิซอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), โรมัน ชิโรคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), คอนสแตนติน ซีร์ยานอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), ยูริ ชีร์คอฟ (อันจิ มาคาชคาล่า), อลัน ซาโกเยฟ (ซีเอสเคเอ มอสโก),  อิกอร์ เซมชอฟ (ดินาโม มอสโก), เดนิส กลูชาคอฟ (โลโคโมทีฟ มอสโก), มารัต อิซไมลอฟ (สปอร์ติ้ง ลิสบอน / โปรตุเกส), ดมิทรี คอมบารอฟ (สปาร์ตัก มอสโก)

กองหน้า : อังเดร อาร์ชาวิน (อาร์เซน่อล / อังกฤษ), อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), โรมัน พาฟลิวเชนโก้ (โลโคโมทีฟ มอสโก), อเล็กซานเดอร์ โคโคริน (ดินาโม มอสโก), พาเวล โพเกร็บเนี้ยค (ฟูแล่ม / อังกฤษ)

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ เช็ก (เชลซี), ยาน ลาสตุฟก้า (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), ยาโรสลาฟ ดร็อบนี่ (ฮัมบูร์ก เอสเฟา)

กองหลัง : โทมัส ซิว็อค (เบซิคตัส), มิชาล คาดเล็ช (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), โรมัน ฮับนิค (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน), ธีโอดอร์ เกเบร เซลาสซี่ (สโลวาน ลิเบอเร็ซ), เดวิด ลิมเบอร์สกี้ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), มาเร็ก ซูซี่ (สปาร์ตัก มอสโก), ฟรานติเซ็ค รายโตรัล (วิคตอเรีย พิลเซ่น)

กองกลาง : โทมัส โรซิชกี้ (อาร์เซน่อล), ยาโรสลาฟ พลาซิล (บอร์กโดซ์), โทมัส ฮุบช์มัน (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), แยน เรเซ็ค (อนอร์โธซิส ฟามากุสต้า), มิลาน ปีเตอร์เซล่า (วิคตอเรีย พิลเซ่น), ดาเนียล โกลาร์ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), วัคลาฟ ปิลาร์ (วิคตอเรีย พิลเซ่น), ปีเตอร์ ยิราเซ็ค (เฟาเอฟแอล โวล์ฟบวร์ก), วลาดิเมียร์ ดาริต้า (วิคตอเรีย พิลเซ่น)

กองหน้า : มิลาน บารอส (กาลาตาซาราย), ดาวิด ลาฟาตา (ยาบโลเนค), โทมัส เป็คฮาร์ท (เนิร์นแบร์ก), โทมัส เนซิด (ซีเอสเคเอ มอสโก)

 

กลุ่ม บี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติเยอรมันชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์น มิวนิค), ทิม วีเซ่ (แวร์เดอร์ เบรเมน), รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ (ฮันโนเวอร์)

กองหลัง : โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ (บาเยิร์น มิวนิค), เจอโรม บัวเต็ง (บาเยิร์น มิวนิค), เบเนดิคท์ โฮเวเดส (ชาลเก้ 04), มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ฟิลิปป์ ลาห์ม (บาเยิร์น มิวนิค), มาร์เซล ชเมลเซอร์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) แพร์ เเมร์เตซัคเคอร์ (อาร์เซน่อล)

กองกลาง : ลาร์ส เบนเดอร์ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), โทนี่ โครส (บาเยิร์น มิวนิค), โธมัส มุลเลอร์ (บาเยิร์น มิวนิค), เมซุต โอซิล (เรอัล มาดริด), อันเดร ชูรร์เล่ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), ซามี่ เคดิร่า (เรอัล มาดริด), บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ (บาเยิร์น), มาริโอ เกิทเซ่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อิลกาย กุนโดกัน (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

กองหน้า : มาริโอ โกเมซ (บาเยิร์น มิวนิค), มิโรสลาฟ โคลเซ่ (ลาซิโอ), ลูคัส โพดอลสกี้ (อาร์เซน่อล), มาร์โค รอยส์ (โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค)

 

 


รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติฮอลแลนด์ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก (โรม่า), มิเชล ฟอร์ม (สวอนซี), ทิม ครูล (นิวคาสเซิ่ล)

กองหลัง : โยริส มาไธจ์เซ่น (มาลาก้า), จอห์นนี่ ไฮติงก้า (เอฟเวอร์ตัน), คาลิด บูห์ลารูซ (สตุ๊ตการ์ท), วิลเฟรด เบาม่า (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), เยโทร วิลเล่มส์ (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น), เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), รอน ฟลาร์ (เฟเยนูร์ด

กลองกลาง : ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (สเปอร์ส), ไนเจล เด ยองก์ (แมนฯ ซิตี้), เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (อินเตอร์ มิลาน), อาร์เยน ร็อบเบน (บาเยิร์น มิวนิค), อิบราฮิม อเฟลลาย (บาร์เซโลน่า), สไตน์ ชาร์ส (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), เควิน สตรูทมัน (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น), มาร์ค ฟาน บอมเมล (พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น)

กองหน้า : เดิร์ค เค้าท์ (ลิเวอร์พูล), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (อาร์เซน่อล), คลาส แยน ฮุนเตลาร์ (ชาลเก้ 04), ลุค เดอ ยองก์ (ทเวนเต้), ลูเซียโน่ นาร์ซิงห์ (ฮีเรนวีน)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติเดนมาร์กชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : สเตฟาน อันเดอร์เซ่น (เอวิยอง), อันเดอร์ส ลินเดการ์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (เลสเตอร์ ซิตี้)

กองหลัง : ลาร์ส ยาค็อบเซ่น (เอฟซี โคเปนเฮเก้น), ซิมอน โพลเซ่น (อาแซ่ด อัลค์มาร์), ดาเนี่ยล วาสส์ (เอวิยอง), ซิมอน เคียร์ (โรม่า), แดเนียล แอ็กเกอร์ (ลิเวอร์พูล), อันเดรียส เบยัลลันด์ (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์), โยเรส โอโกเร่ (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์)

กองกลาง : วิลเลี่ยม ควิสต์ (สตุ๊ตการ์ท), คริสเตียน โพลเซ่น (เอวิยอง), นิกิ ซิมลิ่ง (คลับ บรูช), จาค็อบ โพลเซ่น (มิดทิลแลนด์), ลาสส์ โชน (เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น), โทเบียส มิคเคลเซ่น (เอฟซี นอร์ดเยลลันด์), ไมเคิล โครห์น-เดห์ลี่ (บรอนด์บี้), โธมัส คาห์เลนเบิร์ก (เอวิยอง), ไมเคิล ซิลเบอร์เบาเออร์ (ยัง บอยส์)

กองหน้า : คริสเตียน อีริคเซ่น (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม), นิคลาส พีเดอร์เซ่น (เอฟซี โกรนิงเกน), นิคลาส เบนท์เนอร์ (อาร์เซน่อล), เดนนิส รอมเมดาห์ล (บรอนด์บี้)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโปรตุเกสชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เอดูอาร์โด้ (เบนฟิก้า), รุย ปาทริซิโอ (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), เบโต้ (ซีเอฟอาร์ คลูช)

กองหลัง : บรูโน่ อัลเวส  (เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), เปเป้ (เรอัล มาดริด), ฟาบิโอ โกเอนเตรา (เรอัล มาดริด), ริคาร์โด้ คอสต้า (บาเลนเซีย), เจา เปเรยร่า (บาเลนเซีย), อูโก้ มิเกล โลเปส (บราก้า), โรลันโด้ (เอฟซี ปอร์โต้)

กองกลาง : มิเกล เวโลโซ่ (เจนัว), รูเบน มิคาแอล (เรอัล ซาราโกซ่า), ราอูล เมยเรเลส (เชลซี), ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (เบซิคตัส), คัสตูดิโอ (บราก้า), อูโก้ วิอาน่า (บราก้า), เจา มูตินโญ่ (เอฟซี ปอร์โต้)

กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด), เอลแดร์ ปอสติก้า (เรอัล ซาราโกซ่า), หลุยส์ นานี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด), อูโก้ อัลเมยด้า (เบซิคตัส), ซิลเวสเตร วาเลร่า (เอฟซี ปอร์โต้), เนลสัน โอลิเวยร่า (เบนฟิก้า)

 

กลุ่ม ซี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติสเปน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อีเกร์ กาซียาส (เรอัล มาดริด), บิคตอร์ บัลเดส (บาร์เซโลน่า), โฆเซ่ มานูเอล เรน่า (ลิเวอร์พูล)

กองหลัง : ราอูล อัลบิโอล (เรอัล มาดริด), เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า), ฆาบี มาร์ติเนซ (แอธเลติก บิลเบา), ฆวนฟราน ตอร์เรส (แอตเลติโก มาดริด), เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด), อัลบาโร่ อาร์เบลัว (เรอัล มาดริด), จอร์ดี้ อัลบา (บาเลนเซีย)

กองกลาง : อันเดรส อิเนียสต้า (บาร์เซโลน่า), ชาบี เอร์นานเดซ (บาร์เซโลน่า), เชส ฟาเบรกาส (บาร์เซโลน่า), ฆวน มาต้า (เชลซี), ชาบี อลอนโซ่ (เรอัล มาดริด), เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลน่า), ซานติ กาซอร์ล่า (มาลาก้า), ดาบิด ซิลบา (แมนฯ ซิตี้), เฆซุส นาบาส (เซบีย่า)

กองหน้า : เปโดร โรดริเกซ (บาร์เซโลน่า), เฟร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี), อัลบาโร่ เนเกรโด้ (เซบีย่า), เฟร์นานโด ยอเรนเต้ (แอธเลติก บิลเบา)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติอิตาลี ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ บุฟฟ่อน (ยูเวนตุส), ซัลวาตอเร่ ซิริกู (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง/ฝรั่งเศส), มอร์แกน เด ซานช์ติส (นาโปลี)

กองหลัง : คริสเตียน มาจโจ้ (นาโปลี), อิกนาซิโอ อบาเต้ (เอซี มิลาน), เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ (ปาแลร์โม่), เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ (ยูเวนตุส), อันเดรีย บาร์ซาญี่ (ยูเวนตุส), จอร์โจ้ คิเอลลินี่ (ยูเวนตุส), อันเจโล่ อ็อกบอนนา (โตริโน่)

กองกลาง : อันเดรีย ปีร์โล่ (ยูเวนตุส), เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (ยูเวนตุส), เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ (ยูเวนตุส), ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (โรม่า), ติอาโก้ ม็อตต้า (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง/ฝรั่งเศส), อันโตนิโอ โนเชริโน่ (เอซี มิลาน), ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ (ฟิออเรนติน่า), อเลสซานโดร เดียมานติ (โบโลญญ่า)

กองหน้า : อันโตนิโอ คาสซาโน่ (เอซี มิลาน), มาริโอ บาโลเตลลี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้/อังกฤษ), เซบาสเตียน โจวินโก้ (ปาร์ม่า), อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ (อูดิเนเซ่), ฟาบิโอ บอรินี่ (โรม่า)

 
รายชื่อ 23 นักเตะไอร์แลนด์ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เชย์ กิฟเว่น (แอสตัน วิลล่า), คีเรน เวสต์วู้ด (ซันเดอร์แลนด์), เดวิด ฟอร์ด (มิลล์วอลล์)

กองหลัง : จอห์น โอเช (ซันเดอร์แลนด์), ริชาร์ด ดันน์ (แอสตัน วิลล่า), ชอน เซนต์ เล็ดเจอร์ (เลสเตอร์ ซิตี้), สตีเฟ่น วอร์ด (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), สตีเฟ่น เคลลี่ (ฟูแล่ม), ดาร์เรน โอเชีย (กลาสโกว์ เซลติก), พอล แม็คเชน (ฮัลล์ ซิตี้)

กองกลาง : คีธ แอนดรูว์ส (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), เกล็น วีแลน (สโต๊ค ซิตี้), ดาร์รอน กิ๊บสัน (เอฟเวอร์ตัน), เดเมี่ยน ดัฟฟ์ (ฟูแล่ม), ไอเดน แม็คเกียดี้ (สปาร์ตัก มอสโก/รัสเซีย), สตีเฟ่น ฮันท์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), เจมส์ แม็คคลีน (ซันเดอร์แลนด์), พอล กรีน (ดาร์บี้ เคาน์ตี้)

กองหน้า : ร็อบบี้ คีน (แอลเอ แกแล็กซี่/สหรัฐอเมริกา), เควิน ดอยล์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), ไซม่อน ค็อกซ์ (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), โจนาธาน วอลเตอร์ส (สโต๊ค ซิตี้), เชน ลอง (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติโครเอเชีย  ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : สติเป้ เปลติโกซ่า (รอสตอฟ), ดานิเยล ซูบาซิช (โมนาโก), อิวาน เคลาว่า (ดินาโม ซาเกร็บ)

กองหลัง : โยซิป ซิมูนิช (ดินาโม ซาเกร็บ), เวดราน ชอร์ลูก้า (เลเวอร์คูเซ่น), ดานิเยล ปรานยิช (บาเยิร์น มิวนิค), อิวาน สตรินิช (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), กอร์ดอน ชิลเดนเฟลด์ (ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต), โดมากอย วิด้า (ดินาโม ซาเกร็บ), ยูริก้า บุลยัต (มัคคาบี้ ไฮฟา)

กองกลาง : ดาริโย เซอร์น่า (ชัคเตอร์ โดเนตส์ค), นิโก้ ครานชาร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), ลูก้า โมดริช (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), อิวาน ราคิติช (เซบีย่า), อ็อกเยน วูโกเยวิช (ดินาโม เคียฟ), โทมิสลาฟ ดุยโมวิช (เรอัล ซาราโกซ่า), อิวาน เปริซิช (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), อิโว อิลิเชวิช (ฮัมบูร์ก), มิลาน บาเดลจ์ (ดินาโม ซาเกร็บ)

กองหน้า : อิวิก้า โอลิช (บาเยิร์น มิวนิค), เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา (ชัคเตอร์ โดเนตส์ค), มาริโอ มานชูคิช (โวล์ฟสบวร์ก), นิกิช่า เยลาวิช (เอฟเวอร์ตัน)

 

ก่ลุม ดี

รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติอังกฤษ ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : โจ ฮาร์ท (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), โรเบิร์ต กรีน (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด), แจ็ค บัตแลนด์ (เบอร์มิงแฮม ซิตี้)

กองหลัง : เกล็น จอห์นสัน (ลิเวอร์พูล), ฟิล โจนส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี), โจลีออน เลสค็อตต์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), แกรี่ เคฮิลล์ (เชลซี), แอชลี่ย์ โคล (เชลซี), เลห์ตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน), ฟิล จากีลก้า (เอฟเวอร์ตัน)

กองกลาง : ธีโอ วัลค็อตต์ (อาร์เซน่อล), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (ลิเวอร์พูล), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล), แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี), สกอตต์ พาร์เกอร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์), แอชลี่ย์ ยัง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (อาร์เซน่อล)

กองหน้า : เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แดนนี่ เวลเบ็ค (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แอนดี้ แคร์โรลล์ (ลิเวอร์พูล), เจอร์เมน เดโฟ (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์)

 
รายชื่อ 23 นักเตะทีมชาติฝรั่งเศส ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : เซดริก การ์รัสโซ่ (บอร์กโดซ์), อูโก้ โยริส (โอลิมปิก ลียง), สตีฟ ม็องด็องด้า (โอลิมปิก มาร์กเซย)

กองหลัง : กาแอล กลิชี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), มาติเยอ เดอบูชี่ (ลีลล์), ปาทริซ เอวร่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ (อาร์เซน่อล), ฟิลิปป์ เม็กแซส (เอซี มิลาน), อาดิล รามี่ (บาเลนเซีย), อ็องโตนี่ เรเวยแยร์ (โอลิมปิก ลียง)

กองกลาง : โยอัน กาบาย (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด), อาลู ดิยาร์ร่า (โอลิมปิก มาร์กเซย), ฟลอร็องต์ มาลูด้า (เชลซี), มาร์กแว็ง มาร์กแต็ง (โซโชซ์), แบลส มาตุยดี้ (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง), ยันน์ เอ็มวีล่า (แรนส์), ซามีร์ นาสรี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ฟร้องค์ ริเบรี่ (บาเยิร์น มิวนิค), มาติเยอ วัลบูเอน่า (โอลิมปิก มาร์กเซย)

กองหน้า : อาเต็ม เบน อาร์กฟา (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด), คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มงต์เปลลิเย่ร์), เฌเรมี่ เมเนซ (ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง)

 
รายชื่อ 23 นักเตะยูเครน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อังเดร เพียตอฟ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), โอเล็กซานเดอร์ กอร์ไยนอฟ (เมตาลิสต์ คาร์คีฟ), มักซิม โควาล (ดินาโม เคียฟ)

กองหลัง : โอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ (ชัคตาร์ โดเนทส์ค), ยาโรสลาฟ ราคิตสกี้ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), เวียเชสลาฟ เชฟชุค (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค), เยฟเก้น คาเชริดี้ (ดินาโม เคียฟ), ทาราส มิคาลิค (ดินาโม เคียฟ), เยฟเก้น เซลิน (วอร์สคล่า), บ็อกดาน บุตโก้ (อิลลิชิเว็ตส์)

กองกลาง : อนาโตลี ติโมชุค (บาเยิร์น มิวนิค), โอเล็กซานเดอร์ อาลิเยฟ (ดินาโม เคียฟ), เดนิส การ์มาช (ดินาโม เคียฟ), โอเล็ก กูเซฟ (ดินาโม เคียฟ), อังเดร ยาร์โมเลนโก้ (ดินาโม เคียฟ), เยฟเก้น โคโนเปลียนก้า (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), รุสลัน โรตาน (ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค), เซอร์เก นาซาเรนโก้ (ทาฟริย่า)

กองหน้า : อาร์เต็ม มิเลฟสกี้ (ดินาโม เคียฟ), อังเดร เชฟเชนโก้ (ดินาโม เคียฟ), มาร์โก เดวิช (เมตาลิสต์ คาร์คีฟ), อังเดร โวโรนิน (ดินาโม มอสโก), เยฟเก้น เซเลซนอฟ (ชัคเตอร์ โดเนทส์ค)

 
รายชื่อ 23 นักเตะสวีเดน ชุดยูโร 2012

ผู้รักษาประตู : อันเดรียส อิซัคส์สัน (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), โยฮัน วีลันด์ (เอฟซี โคเปนเฮเก้น), พาร์ ฮันส์สัน (เฮลซิงบอร์ก)

กองหลัง : มิคาเอล ลุสติก (เซลติก), โอลอฟ เมลเบิร์ก (โอลิมเปียกอส), อันเดรียส แกรนควิสต์ (เจนัว), มาร์ติน โอลส์สัน (แบล็คเบิร์น), โยนาส โอลส์สัน (เวสต์บรอมวิช), มิคาเอล อันตอนส์สัน (โบโลญญ่า), เบห์รัง ซาฟารี (อันเดอร์เลชท์)

กองกลาง : ราสมุส เอล์ม (อาแซ่ด อัลค์มาร์), เซบาสเตียน ลาร์สัน (ซันเดอร์แลนด์), อันเดอร์ส สเวนส์สัน (เอล์ฟสบอร์ก), คิม คัลล์สตรอม (ลียง), ปอนตุส เวิร์นบลูม (ซีเอสเคเอ มอสโก), ซามูเอล โฮลเมน (อิสตันบูล บีบี), เอมีร์ บายรามี่ (ทเวนเต้), คริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน (อัล ฮิลาล)

กองหน้า : ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (เอซี มิลาน), โยฮัน เอลมานเดอร์ (กาลาตาซาราย), โทเบียส ไฮเซ่น (ไอเอฟเค โกเตบอร์ก), โอล่า ทอยโวเน่น (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), มาร์คุส โรเซนเบิร์ก (ไร้สังกัด) ออาส โอลส์สัน (เวสต์บรอมวิช), มิคาเอล อันตอนส์สัน (โบโลญญ่า), เบห์รัง ซาฟารี (อันเดอร์เลชท์)

กองกลาง : ราสมุส เอล์ม (อาแซ่ด อัลค์มาร์), เซบาสเตียน ลาร์สัน (ซันเดอร์แลนด์), อันเดอร์ส สเวนส์สัน (เอล์ฟสบอร์ก), คิม คัลล์สตรอม (ลียง), ปอนตุส เวิร์นบลูม (ซีเอสเคเอ มอสโก), ซามูเอล โฮลเมน (อิสตันบูล บีบี), เอมีร์ บายรามี่ (ทเวนเต้), คริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน (อัล ฮิลาล)

กองหน้า : ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (เอซี มิลาน), โยฮัน เอลมานเดอร์ (กาลาตาซาราย), โทเบียส ไฮเซ่น (ไอเอฟเค โกเตบอร์ก), โอล่า ทอยโวเน่น (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), มาร์คุส โรเซนเบิร์ก (ไร้สังกัด) าส โอลส์สัน (เวสต์บรอมวิช), มิคาเอล อันตอนส์สัน (โบโลญญ่า), เบห์รัง ซาฟารี (อันเดอร์เลชท์)

กองกลาง : ราสมุส เอล์ม (อาแซ่ด อัลค์มาร์), เซบาสเตียน ลาร์สัน (ซันเดอร์แลนด์), อันเดอร์ส สเวนส์สัน (เอล์ฟสบอร์ก), คิม คัลล์สตรอม (ลียง), ปอนตุส เวิร์นบลูม (ซีเอสเคเอ มอสโก), ซามูเอล โฮลเมน (อิสตันบูล บีบี), เอมีร์ บายรามี่ (ทเวนเต้), คริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน (อัล ฮิลาล)

กองหน้า : ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (เอซี มิลาน), โยฮัน เอลมานเดอร์ (กาลาตาซาราย), โทเบียส ไฮเซ่น (ไอเอฟเค โกเตบอร์ก), โอล่า ทอยโวเน่น (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), มาร์คุส โรเซนเบิร์ก (ไร้สังกัด)

คําคมสอนใจ

คําคมสอนใจ รวมเอา คําคมสอนใจ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคําคมของบุคคลสำคัญๆ ธรรมะ และคําคมสอนใจโดยทั่วๆไป ได้รวบรวมมาเพื่อไว้เป็นคติ บทเรียนชีวิต ในการดำเนินชีวิต รวมถึง คำสอนที่มาในรูปแบบคําคม เพื่อให้ทุกท่านได้คิด รวมทั้งคําคมสอนใจ ในการมุมานะ ทำงาน สร้างชีวิต ของตนเองให้ได้ดียิ่งๆขึ้นไป คําคมสอนใจ เหล่านี้ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ แก่ทุกๆท่าน เป็นอย่างดี

  • ถ้าท่าน ไปตรงๆไม่ได้  ก็จงไป ‘ทางอ้อม’ และถ้าท่านไปข้างบนไม่ได้  ก็จงไปข้างล่าง อย่ายอมแพ้ง่ายๆ  เป็นอันขาด
  • ถ้าอยากจะ “ประสบความสำเร็จ” ต้องกล้าที่จะ “เปลี่ยนแปลง” ตัวเอง
  • ทางข้างหน้า ‘ลางเลือน’ เหมือนว่างเปล่า แดดจะเผาผิวผ่อง เธอหมองไหม้ ที่ตรงนั้นมีหุบเหว มีเปลวไฟ ถ้าอ่อนแอจะฝ่าไป อย่างไรกัน
  • จงฟังความรู้สึกของผู้พูด ไม่ใช่ ‘คำพูด’
  • จุดที่ต่ำสุดของ ‘ชีวิต’ ที่ทุกคนมีโอกาส ‘ประสบ’  ..เป็นได้ทั้ง ‘จุดจบ’ และ ‘บทเรียน’ ที่ดี
  • คนเราจะไม่ต้องใช้สมองเลย ถ้าพูดแต่ ‘ความจริง’
  • ยิ่งบทเรียนยากขึ้น ‘เท่าไหร่’ ถ้าเราผ่านมันไปได้เราก็จะยิ่ง ‘เก่งขึ้น’ เท่านั้น
  • ถ้าคุณไม่ลอง ‘ก้าว’ จะไม่มีวันรู้เลยว่า ‘ข้างหน้า’ เป็นอย่างไร
  • อย่ากังวลกับสิ่ง ที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้ คำนึงถึง สิ่งที่ ‘กำลังทำ’
  • หนทางยาวไกลนับ ‘หมื่นลี้’ ต้องเริ่มต้นด้วย ‘ก้าวแรก’ ก่อนเสมอ
คําคมสอนใจ

  • เหตุผลของ ‘คนๆหนึ่ง’  อาจจะไม่ใช่เหตุผลของ ‘คนอีกคนหนึ่ง’
  • แม้แต่นิ้วของคนเรายังยาว ‘ไม่เท่ากัน’ นับประสาอะไรกับ ‘ความยั่งยืนของชีวิต’
  • ทุกคนได้ยินในสิ่งที่ ‘คุณพูด’  แต่เพื่อนที่ดีที่สุดจะได้ยินแม้ในสิ่งที่คุณ ‘ไม่ได้พูด’
  • ทุก ‘หนึ่งนาที’ ที่คุณใช้ไปในการ ‘วางแผน’ จะประหยัดเวลาได้อย่างน้อย ‘สามนาที’ ในการปฎิบัติตามแผน
  • ถ้าคุณ ไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้เลยว่า ข้างหน้า เป็นอย่างไร
คําคมสอนใจ
คําคมสอนใจ

  • คนเรา เจ็บปวดครั้งแรก พอที่จะโทษคนอื่นได้  .. แต่เจ็บปวด ครั้งที่สอง มีแต่ “ต้องโทษตัวเอง”
  • ท้อแท้ได้ แต่อย่า “ท้อถอย”  ..อิจฉาได้แต่อย่า “ริษยา” พักได้แต่ “อย่าหยุด”
  • เพื่ออะไร ‘กับการรอคอย’ ที่ ‘ไม่มีความหมาย’
  • เมื่อวาน ‘ก็สายเกินแก้’ พรุ่งนี้ ‘ก็สายเกินไป’
  • แม้แต่นิ้วของคนเรา ‘ยังยาวไม่เท่ากัน’ นับประสาอะไรกับ ‘ความยั่งยืนของชีวิต’
  • โลกใบนี้เต็มไปด้วย “ความมหัศจรรย์” ถ้าไม่ออกเดินทางก็ “ไม่มีวันค้นพบ”
  • ตึก ยังรู้พัง ‘สตางค์’ ยังรู้หมด แต่ ‘ไมตรี’ อันสวยสดไม่มีหมดเหมือนสตางค์
  • บางครั้ง เราก็เหมือน “คนตาบอด”  มีวิธีเดียวที่จะพาเรามุ่งหน้าไปได้ คือ “การคลำทางเดินหน้าต่อไป”
  • บางสิ่งของชีวิต “ไม่จำเป็นต้องจำ” ถ้ามันทำให้เจ็บ, แต่บางสิ่งก็ควรจะเก็บ “ถ้ามันเป็นความเจ็บที่น่าจำ”
  • คนฉลาด เรียนรู้จาก “ความผิดพลาดของผู้อื่น”
    คนโง่ เรียนรู้จาก     “ความผิดพลาดของตัวเอง”
  • หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่า
    “ปัญหานั้นเล็กนิดเดียว”
  • เราน่าจะ “เปลี่ยนปัญหากันได้” เพราะเรามักจะ “แก้ปัญหาของผู้อื่นได้”
  • อย่าเกลียด “น้ำตา” เพราะมันคือ “เพื่อนแท้”,
    อย่าเกลียด “ความอ่อนแอ” เพียงเพราะมันไม่ใช่ “ความเข้มแข็ง”
  • มีแต่วันนี้ “ที่มีค่า”
    ไม่มีวันหน้า วันหลัง
คําคมสอนใจ
คําคมสอนใจ

  • ที่ที่ดีที่สุดที่จะพบ “มือที่พร้อมจะช่วยเหลือ คุณ”
    คือ ที่สุด “ปลายแขนของคุณเอง”
  • มีเพียงชีวิตที่ทำ “เพื่อคนอื่นเท่านั้น”
    ที่ควรค่าแก่การ “มีชีวิต”
  • ความเหงาเป็น “เพื่อนแท้”
    อ่อนแอเป็น “เพื่อนเก่า”
    ความเงียบก็ “เพื่อนเรา”
    ใจบางเบาคือ “เพื่อนตาย”
  • ความเห็นอกเห็นใจ
    คือ “กฎสำคัญ” ของ “ชีวิตมนุษย์”
  • คนที่ว่าคนอื่น “โง่” บุคคลนั้น “โง่ยิ่งกว่า”
    คนที่ว่าคนอื่น “ฉลาด” บุคคลนั้นคือ “ผู้ฉลาดอย่างแท้จริง”
  • ความโศรกเศร้า สามารถเยียวยาตัวเองได้ “โดยลำพัง”
    แต่การจะได้รับ ความเบิกบาน อย่างเต็มเปี่ยม
    จำเป็นต้องมี “ใครสักคน” มาแบ่งปัน
  • ทุกสิ่งในชีวิต โดยพื้นฐานแล้ว คือ “ของขวัญ”
    จงกางมือรับ “สิ่งนั้น” และ “ถือไว้”

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

      1.  ไดโอดเปล่งแสง (light-emitting diode ย่อ LED) เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำอย่างหนึ่ง จัดอยู่ในจำพวกไดโอด ที่สามารถเปล่งแสงในช่วงสเปกตรัมแคบ เมื่อถูกไบอัสทางไฟฟ้าในทิศทางไปข้างหน้า ปรากฏการณ์นี้อยู่ในรูปของ electroluminescence สีของแสงที่เปล่งออกมานั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีของวัสดุกึ่งตัวนำที่ใช้ และเปล่งแสงได้ใกล้ช่วงอัลตราไวโอเลต ช่วงแสงที่มองเห็น และช่วงอินฟราเรด ผู้พัฒนาไดโอดเปล่งแสงขึ้นเป็นคนแรก คือ นิก โฮโลยัก (Nick Holonyak Jr.) (เกิด ค.ศ. 1928) แห่งบริษัทเจเนรัล อิเล็กทริก (General Electric Company) โดยได้พัฒนาไดโอดเปล่งแสงในช่วงแสงที่มองเห็น และสามารถใช้งานได้ในเชิงปฏิบัติเป็นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ. 1962

 

               ไดโอดเปล่งแสงสีต่าง ๆ

               

                2.  ไดโอด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

 

 

ไดโอดชนิดต่างๆ

ไดโอด ถือเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ที่จำกัดทิศทางการไหลของประจุไฟฟ้า มันจะยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลในทิศทางเดียว และกั้นการไหลในทิศทางตรงกันข้าม ดังนั้นจึงอาจถือว่าไดโอดเป็นวาล์วตรวจสอบแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง ซึ่งนับเป็นประโยชน์อย่างมากในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ใช้เป็นอุปกรณ์กรองแรงดันไฟฟ้าในวงจรภาคจ่ายไฟ เป็นต้น
ไดโอดตัวแรกเป็นอุปกรณ์หลอดสุญญากาศ (
vacuum tube หรือ valves) แต่ทุกวันนี้ไดโอดที่ใช้ทั่วไปส่วนใหญ่ผลิตจากสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิกอน หรือ เจอร์เมเนียม
    ไดโอดเป็นอุปกรณ์ที่ทำจากสารกึ่งตัวนำ p-n สามารถควบคุมให้กระแสไฟฟ้าจากภายนอกไหลผ่านตัวมันได้ทิศทางเดียว ไดโอดประกอบด้วยขั้ว 2 ขั้ว คือ แอโนด (Anode; A) ซึ่งต่ออยู่กับสารกึ่งตัวนำชนิดp และ แคโธด (Cathode; K) ซึ่งต่ออยู่กับสารกึ่งตัวนำชนิด n
ไดโอดในอุดมคติ (Ideal Diode) มีลักษณะเหมือนสวิตช์ที่สามารถนำกระแสไหลผ่านได้ในทิศทางเดียว ถ้าต่อขั้วแบตเตอรี่ให้เป็นแบบไบอัสตรงไดโอดจะเปรียบเป็นเสมือนกับสวิตช์ที่ปิด (Close Switch)หรือไดโอดลัดวงจร (Short Circuit) Id ไหลผ่านไดโอดได้ แต่ถ้าต่อขั้วแบตเตอรีแบบไบอัสกลับ ไดโอดจะเปรียบเป็นเสมือนสวิตช์เปิด (Open Switch) หรือเปิดวงจร (Open Circuit) ทำให้ Id เท่ากับศูนย์
ไดโอดในทางปฏิบัติ (Practical Diode) มีการแพร่กระจายของพาหะส่วนน้อยที่บริเวณรอยต่ออยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้น ถ้าต่อไบอัสตรงให้กับไดโอดในทางปฏิบัติก็จะเกิด แรงดันเสมือน (Ge >= 0.3V ; Si >= 0.7V) ซึ่งต้านแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายเพื่อการไบอัสตรง ขนาดของแรงดันเสมือนจึงเป็นตัวบอกจุดทำงาน ดังนั้น จึงเรียก “แรงดันเสมือน” อีกอย่างหนึ่งว่า “แรงดันในการเปิด” (Turn-on Voltage ; Vt )
กรณีไบอัสกลับ เราทราบว่า Depletion Region จะขยายกว้างขึ้น แต่ก็ยังมีพาหะข้างน้อยแพร่กระจายที่รอยต่ออยู่จำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีกระแสรั่วไหลอยู่จำนวนหนึ่ง เรียกว่า กระแสรั่วไหล (Leakage Current) เมื่อเพิ่มแรงดันไฟฟ้าขึ้นเรื่อยๆ กระแสรั่วไหลจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดทีไดโอดนำกระแสเพิ่มขึ้นมาก ระดับกระแสที่จุดนี้ เรียกว่า “กระแสอิ่มตัวย้อนกลับ” (Reverse Saturation Current ; Is ) แรงดันไฟฟ้าที่จุดนี้ เรียกว่า แรงดันพังทลาย (Breakdown Voltage) และถ้าแรงดันไบกลับสูงขึ้นจนถึงจุดสูงสุดที่ไดโอดทนได้ เราเรียกว่า “แรงดันพังทลายซีเนอร์” (Zener Breakdown Voltage ; Vz) ถ้าแรงดันไบอัสกลับสูงกว่า Vz จะเกิดความร้อนอย่างมากที่รอยต่อของไดโอด ส่งผลให้ไดโอดเสียหายหรือพังได้ แรงดันไฟฟ้าที่จุดนี้เราเรียกว่า แรงดันพังทลายอวาแลนซ์ (Avalance Breakdown Voltage) ดังนั้น การนำไดโอดไปใช้งานจึงใช้กับการไบอัสตรงเท่านั้น

3.  ตัวต้านทาน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

บทความนี้มีลิงก์แทรกในบทความที่ข้ามไปภาษาอื่นโดยเป็นลิงก์สีฟ้าอ่อน ซึ่งต้องการปรับแก้ให้ได้ตามมาตรฐานวิกิพีเดีย
โดยผู้เขียนใส่ไว้เพื่อสะดวกในการเขียน และควรแก้ลิงก์ภาษาอื่นเป็นข้อความธรรมดา เมื่อมีลิงก์ภาษาไทยที่ถูกต้อง หรือเห็นควร เพื่อไม่ให้ผู้อ่านสับสน

 

 

 

 

ต้วต้านทาน

 

ตัวต้านทานชนิดปรับค่าได้

          สัญลักษณ์ตัวต้านทาน

ตัวต้านทาน หรือรีซิสเตอร์ (resistor) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดสองขั้ว ที่สร้างความต่างศักย์ทางไฟฟ้าขึ้นคร่อมขั้วทั้งสอง โดยมีสัดส่วนมากน้อยตามกระแสที่ไหลผ่าน อัตราส่วนระหว่างความต่างศักย์ และปริมาณกระแสไฟฟ้า ก็คือ ค่าความต้านทานทางไฟฟ้า หรือค่าความต้านทาน

หน่วยค่าความต้านทานไฟฟ้าตามระบบเอสไอ (SI unit) คือ โอห์ม (ohm) อุปกรณ์ที่มีความต้านทาน ค่า 1 โอห์ม หากมีความต่างศักย์ 1 โวลต์ไหลผ่าน จะให้กระแสไฟฟ้า 1 แอมแปร์ ซึ่งเท่ากับการไหลของประจุไฟฟ้า 1 คูลอมบ์ (ประมาณ 6.241506 × 1018 อิเล็กตรอน) ต่อวินาที

 

      

 

            A few types of resistor

ตัวต้านทานอาจแบ่งออกเป็น ตัวต้านทานที่มีค่าคงที่ และ ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้

           ตัวต้านทานแบบมีค่าคงที่

ตัวต้านทานทั่วไปอาจมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก โดยที่มีสารตัวต้านทานอยู่ที่แกนกลาง หรือ เป็นฟิลม์อยู่ที่ผิว และมีแกนโลหะตัวนำออกมาจากปลายทั้งสองข้าง ตัวต้านทานที่มีรูปร่างนี้เรียกว่า ตัวต้านทานรูปร่างแบบ แอกเซียล ดังในรูปด้านขวามือ ตัวต้านทานใช้สำหรับกำลังสูงจะถูกออกแบบให้มีรูปร่างที่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี โดยมักจะเป็น ตัวต้านทานแบบขดลวด ตัวต้านทานที่มักจะพบเห็นบนแผงวงจร เช่นคอมพิวเตอร์นั้น โดยปกติจะมีลักษณะเป็น ตัวต้านทานแบบประกบผิวหน้า (surface-mount|) ขนาดเล็ก และไม่มีขาโลหะตัวนำยื่นออกมา นอกจากนั้นตัวต้านทานอาจจะถูกรวมอยู่ภายในอุปกรณ์วงจรรวม (IC - integrated circuit) โดยตัวต้านทานจะถูกสร้างขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิต และแต่ละ IC อาจมีตัวต้านทานถึงหลายล้านตัวอยู่ภายใน

          ตัวต้านทานปรับค่าได้

ตัวต้านทานปรับค่าได้ เป็นตัวต้านทาน ที่ค่าความต้านทานสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยอาจมีปุ่มสำหรับ หมุน หรือ เลื่อน เพื่อปรับค่าความต้านทาน และบางครั้งก็เรียก โพเทนติโอมิเตอร์(potentiometers) หรือ รีโอสแตต (rheostats)

ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้ มีทั้งแบบที่หมุนได้เพียงรอบเดียว จนถึง แบบที่หมุนแบบเป็นเกลียวได้หลายรอบ บางชนิดมีอุปกรณ์แสดงนับรอบที่หมุน เนื่องจากตัวต้านทานปรับค่าได้นี้ มีส่วนของโลหะที่ขัดสีสึกกร่อน บางครั้งจึงอาจขาดความน่าเชื่อถือ ในตัวต้านทานปรับค่าได้รุ่นใหม่ จะใช้วัสดุซึ่งทำจากพลาสติกที่ทนทานต่อการสึกกร่อนจากการขัดสี และ กัดกร่อน

·        รีโอสแตต (rheostat): เป็นตัวต้านทานปรับค่าได้มี 2 ขา โดยที่ขาหนึ่งถูกยึดตายตัว ส่วนขาที่เหลือเลื่อนไปมาได้ ปกติใช้สำหรับส่วนที่มีปริมาณกระแสผ่านสูง

·        โพเทนติโอมิเตอร์ (potentiometer): เป็นตัวต้านทานปรับค่าได้ ที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยเป็นปุ่มปรับความดัง สำหรับเครื่องขยายเสียง

          ตัวต้านทานชนิดอื่น ๆ

·        วาริสเตอร์โลหะออกไซด์ (metal oxide varistor-MOV) เป็นตัวต้านทานที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ มีค่าความต้านทาน 2 สถานะ คือ ค่าความต้านทานสูงมากที่ ความต่างศักย์ต่ำ(ต่ำกว่าค่าความต่างศักย์กระตุ้น) และ ค่าความต้านทานต่ำมากที่ ความต่างศักย์สูง (สูงกว่าความต่างศักย์กระตุ้น) ใช้ประโยชน์ในการป้องกันวงจร เช่น ใช้ในการป้องกันความเสียหายจากฟ้าผ่าลงเสาไฟฟ้า หรือใช้เป็น สนับเบอร์ ในวงจรตัวเหนี่ยวนำ

·        เทอร์มิสเตอร์ (thermistor) เป็นตัวต้านทานที่มีค่าความต้านทานเปลี่ยนแปลงตามระดับอุณหภูมิ แบ่งเป็นสองประเภท คือ ตัวต้านทานที่

o       มีค่าสัมประสิทธิ์ของความต้านทานต่ออุณหภูมิเป็นบวก (PTC - Positive Temperature Coefficient) เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ค่าความต้านทานมีค่าสูงขึ้นตาม มีพบใช้ในวงจรเครื่องรับโทรทัศน์ โดยต่ออนุกรมกับ ขดลวดลบสนามแม่เหล็ก (demagnetizing coil) เพื่อป้อนกระแสในช่วงเวลาสั้น ๆ ให้กับขดลวดในขณะเปิดโทรทัศน์ นอกจากนั้นแล้ว ตัวต้านทานประเภทนี้ยังมีการออกแบบเฉพาะเพื่อใช้เป็น ฟิวส์ (fuse) ที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ เรียกว่า โพลีสวิตช์(polyswitch)

o       มีค่าสัมประสิทธิ์ของความต้านทานต่ออุณหภูมิเป็นลบ (NTC - Negative Temperature Coefficient) เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ค่าความต้านทานมีค่าลดลง ปกติใช้เป็นอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิ

·        เซนซิสเตอร์ (sensistor) เป็นตัวต้านทานที่สร้างจากสารกึ่งตัวนำ มีค่าสัมประสิทธิ์ของความต้านทานต่ออุณหภูมิเป็นลบ ใช้ในการชดเชยผลของอุณหภูมิ ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์

·        ตัวต้านทานปรับค่าตามแสง ดูบทความหลัก โฟโตรีซิสเตอร์

·        ลวดตัวนำ ลวดตัวนำทุกชนิด ยกเว้น ซุปเปอร์คอนดักเตอร์ จะมีความต้านทานซึ่งเกิดจากเนื้อวัสดุที่ใช้ทำลวดนั้น โดยจะขึ้นกับ ภาคตัดขวางของลวด และ ค่าความนำไฟฟ้าของเนื้อสาร

      การอ่านค่าความต้านทาน

ตัวต้านทานแบบแอกเซียล ส่วนใหญ่จะระบุค่าความต้านทานด้วยแถบสี ส่วนแบบประกบผิวหน้านั้นจะระบุค่าด้วยตัวเลข

      ตัวต้านทานแบบมี 4 แถบสี

ตัวต้านทานแบบมี 4 แถบสีนั้นเป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุด โดยจะมีแถบสีระบายเป็นเส้น 4 เส้นรอบตัวต้านทาน โดยค่าตัวเลขของ 2 แถบแรกจะเป็น ค่าสองหลักแรกของความต้านทาน แถบที่ 3 เป็นตัวคูณ และ แถบที่ 4 เป็นค่าขอบเขตความเบี่ยงเบน ซึ่งมีค่าเป็น 2%5%หรือ 10%

   ค่าของรหัสสีตามมาตรฐาน EIA EIA-RS-279

สี

แถบ1

แถบ2

แถบ 3 (ตัวคูณ)

แถบ 4 (ขอบเขตความเบี่ยงเบน)

สัมประสิทธิ์ของอุณหภูมิ

ดำ 0 0 ×100    
น้ำตาล 1 1 ×101 ±1% (F) 100 ppm
แดง 2 2 ×102 ±2% (G) 50 ppm
ส้ม 3 3 ×103   15 ppm
เหลือง 4 4 ×104   25 ppm
เขียว 5 5 ×105 ±0.5% (D)  
น้ำเงิน 6 6 ×106 ±0.25% (C)  
ม่วง 7 7 ×107 ±0.1% (B)  
เทา 8 8 ×108 ±0.05% (A)  
ขาว 9 9 ×109    
ทอง     ×0.1 ±5% (J)  
เงิน     ×0.01 ±10% (K)  
ไม่มีสี       ±20% (M)   

              หมายเหตุ: สีแดง ถึง ม่วง เป็นสีรุ้ง โดยที่สีแดงเป็นสีพลังงานต่ำ และ สีม่วงเป็นสีพลังงาน

    ค่าที่พึงประสงค์

ตัวต้านทานมาตรฐานที่ผลิต มีค่าตั้งแต่มิลลิโอห์ม จนถึง จิกะโอห์ม ซึ่งในช่วงนี้ จะมีเพียงบางค่าที่เรียกว่า ค่าที่พึงประสงค์ เท่านั้นที่ถูกผลิต และตัวทรานซิสเตอร์ที่เป็นอุปกรณ์แยกในท้องตลาดเหล่านี้นั้น ในทางปฏิบัติแล้วไม่ได้มีค่าตามอุดมคติ ดังนั้นจึงมีการระบุของเขตของการเบี่ยงเบนจากค่าที่ระบุไว้ โดยการใช้แถบสีแถบสุดท้าย:

เงิน 10%

ทอง 5%

แดง 2%

น้ำตาล 1%

นอกจากนี้แล้ว ตัวต้านทานที่มีความแม่นยำมากกว่าปกติ ก็มีขายในท้องตลาด 66

5 แถบสีนั้นปกติใช้สำหรับตัวต้านทานที่มีความแม่นยำสูง (โดยมีค่าขอบเขตของความเบี่ยงเบน 1%0.5%0.25%0.1%) แถบสี 3 แถบแรกนั้นใช้ระบุค่าความต้านทาน แถบที่ 4 ใช้ระบุค่าตัวคูณ และ แถบที่ 5 ใช้ระบุขอบเขตของความเบี่ยงเบน ส่วนตัวต้านทานแบบ 5 แถบสีที่มีความแม่นยำปกติ มีพบได้ในตัวต้านทานรุ่นเก่า หรือ ตัวต้านทานแบบพิเศษ ซึ่งค่าขอบเขตของความเบี่ยงเบน จะอยู่ในตำแหน่งปกติคือ แถบที่ 4 ส่วนแถบที่ 5 นั้นใช้บอกค่าสัมประสิทธิ์ของอุณหภูมิ

   ตัวต้านทานแบบ SMT

ตัวต้านทานแบบประกบผิวหน้า ระบุค่าความต้านทานด้วยรหัสตัวเลข โดยตัวต้านทาน SMT ความแม่นยำปกติ จะระบุด้วยรหัสเลข 3 หลัก สองหลักแรกบอกค่าสองหลักแรกของความต้านทาน และ หลักที่ 3 คือค่าเลขยกกำลังของ 10 ตัวอย่างเช่น “472″ ใช้หมายถึง “47″ เป็นค่าสองหลักแรกของค่าความต้านทาน คูณด้วย 10 ยกกำลังสอง โอห์ม ส่วนตัวต้านทานSMT ความแม่นยำสูง จะใช้รหัสเลข 4 หลัก โดยที่ 3 หลักแรกบอกค่าสามหลักแรกของความต้านทาน และ หลักที่ 4 คือค่าเลขยกกำลังของ 10

   การระบุค่าในเชิงอุตสาหกรรม

·        ในทางอุตสาหกรรม จะระบุค่าความต้านทานด้วยเลข 3 หลัก สองหลักแรกเป็นตัวเลขค่าความต้านทาน และ หลักที่ 3 ระบุจำนวนเลข 0 ตามหลังเลขค่าความต้านทานสองหลักแรก

·        สำหรับค่าความต้านทานที่น้อยกว่า 10Ω ตัวอักษร (G) ซึ่งใช้แทนในตำแหน่งตัวเลขหลักที่ 3 ใช้หมายถึงคูณค่าสองหลักแรกด้วย 0.1

ตัวอย่าง27G หมายถึงค่าความต้านทาน 2.7Ω

·        ตัวเลขหลักที่ 4 ที่ตามหลังเลขระบุค่าความต้านทาน คือ ค่าเปอร์เซนต์ขอบเขตของความเบี่ยงเบน

·        ตัวเลขแทนค่าขอบเขตของความเบี่ยงเบน 5%, 10% and 20% คือ 51 และ 2 ตามลำดับ

·        ค่าอัตรากำลังระบุเป็นตัวอักษร 2 ตัว นำหน้าตัวเลขรหัสระบุค่าความต้านทาน คือ BB, CB, EB, GB, HB, GM และ HM สำหรับ , 123 และ 4วัตต์ ตามลำดับ

สิ่งที่แตกต่างระหว่าง อุปกรณ์ระดับคุณภาพ เชิงพาณิชย์ และ เชิงอุตสาหกรรม คือ ช่วงอุณหภูมิของการใช้งาน

อุปกรณ์ในเชิงพาณิชย์ : C to C

อุปกรณ์ในเชิงอุตสาหกรรม : C to C

   กฎของโอห์ม

กฎของโอห์ม (Ohm’s law) เป็นสมการที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์, กระแสไฟฟ้า และความต้านทานของวัตถุต่างๆ มีอยู่ว่า

 

เมื่อ V คือความต่างศักย์ในวัตถุ ในหน่วยโวลต์, I คือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวัตถุ ในหน่วยแอมแปร์ และ R คือความต้านทานในหน่วยโอห์ม

  วงจรอนุกรม และวงจรขนาน

ตัวต้านทานที่ต่อแบบขนาน จะมีความต่างศักย์เท่ากันทุกตัว เราจึงหาความต้านทานที่สมมูล (Req) เสมือนว่ามีตัวต้านทานเพียงตัวเดียว ได้ดังนี้

 

 

เราสามารถแทนตัวต้านทานที่ต่อขนานกัน ด้วยเส้นตรง 2 เส้น “||” ได้ สำหรับตัวต้านทาน 2 ตัว เราจะเขียนดังนี้

 

กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทานแบบอนุกรมจะเท่ากันเสมอ แต่ความต่างศักย์ของตัวต้านทานแต่ละตัวจะไม่เท่ากัน ดังนั้น ความต่างศักย์ทั้งหมดจึงเท่ากับผลรวมของความต่างศักย์ เราจึงหาความต้านทานได้เท่ากับ

 

 

ตัวต้านทานที่ต่อแบบขนานและแบบอนุกรมรวมกันนั้น เราสามารถแบ่งเป็นส่วนเล็กๆก่อน แล้วคำนวณความต้านทานทีละส่วนได้ ดังตัวอย่างนี้

 

 

“.

   3. ตัวเก็บประจุ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

 

ตัวเก็บประจุชนิดต่างๆ

ตัวเก็บประจุ หรือ คาปาซิเตอร์ (capacitor) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง ทำหน้าที่เก็บพลังงานในสนามไฟฟ้า ที่สร้างขึ้นระหว่างคู่ฉนวน โดยมีค่าประจุไฟฟ้าเท่ากัน แต่มีชนิดของประจุตรงข้ามกัน บางครั้งเรียกตัวเก็บประจุนี้ว่า คอนเดนเซอร์ (condenser) เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำคัญในงานอิเล็กทรอนิกส์ และพบได้แทบทุกวงจร

   ลักษณะทางกายภาพ

ตัวเก็บประจุนั้นประกอบด้วยขั้วไฟฟ้า (หรือเพลต) 2 ขั้ว แต่ละขั้วจะเก็บประจุชนิดตรงกันข้ามกัน ทั้งสองขั้วมีสภาพความจุ และมีฉนวนหรือไดอิเล็กตริกเป็นตัวแยกคั่นกลาง

ประจุนั้นถูกเก็บไว้ที่ผิวหน้าของเพลต โดยมีไดอิเล็กตริกกั้นเอาไว้ เนื่องจากแต่ละเพลตจะเก็บประจุชนิดตรงกันข้าม แต่มีปริมาณเท่านั้น ดังนั้นประจุสุทธิในตัวเก็บประจุ จึงมีค่าเท่ากับ ศูนย์ เสมอ

 

ตัวเก็บประจุ เป็นบทความเกี่ยวกับ เทคโนโลยี หรือ สิ่งประดิษฐ์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ ตัวเก็บประจุ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ

  4. ทรานซิสเตอร์

  จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

  ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

  

 

    ทรานซิสเตอร์หลายแบบ

ทรานซิสเตอร์เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่สามารถทำหน้าที่ ขยายสัญญาณไฟฟ้า เปิด/ปิดสัญญาณไฟฟ้า คงค่าแรงดันไฟฟ้า หรือกล้ำสัญญาณไฟฟ้า (modulate) เป็นต้น การทำงานของทราสซิสเตอร์เปรียบได้กับวาลว์ที่ถูกควบคุมด้วยสัญญาณไฟฟ้าขาเข้า เพื่อปรับขนาดกระแสไฟฟ้าขาออกที่มาจากแหล่งจ่ายแรงดัน

     ทรานซิสเตอร์แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ (Bipolar Junction Transistor, BJTs) และทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้า (Field Effect Transistors,FETs) ทรานซิสเตอร์จะมีขาเชื่อมต่อสามจุด อธิบายโดยย่อคือเมื่อมีการปรับเพิ่มแรงดันไฟฟ้าที่ขาหนึ่งจะส่งผลให้ความนำไฟฟ้าระหว่างขาที่เหลือสูงขึ้นอันทำให้สามารถควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าได้ อย่างไรก็ตามหลักทางฟิสิกส์ในการทำงานของทรานซิสเตอร์ทั้งสองแบบ(ชนิดรอยต่อคู่และชนิดสนามไฟฟ้า)มีความแตกต่างกันอยู่มาก ในวงจรอนาลอกนั้นทรานซิสเตอร์จะถูกใช้ขยายสัญญาณต่างๆ เช่น สัญญาณเสียง สัญญาณความถี่วิทยุ หรือควบคุมระดับแรงดัน รวมทั้งเป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าแบบสวิชชิ่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย ทราสซิสเตอร์ก็ยังถูกใช้ในวงจรดิจิทัล เพียงแต่ใช้งานในลักษณะการเปิด/ปิดเท่านั้น วงจรดิจิทัลเหล่านั้นได้แก่ วงจรตรรกะ (Logic gate), หน่วยความจำแบบสุ่ม (Random Access Memory, RAM) และไมโครโพรเซสเซอร์ เป็นต้น

 

ประเภทของทรานซิสเตอร์

  –ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ (Bipolar junction transistor)

ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ (BJT) เป็นทรานซิสเตอร์ชนิดหนึ่ง มันเป็นอุปกรณ์สามขั้วต่อถูกสร้างขึ้นโดยวัสดุสารกึ่งตัวนำที่มีการเจือสารและอาจจะมีการใช้ในการขยายสัญญาณหรืออุปกรณ์สวิทชิ่ง ทรานซิสเตอร์แบบรอยต่อคู่ถูกตั้งขึ้นมาตามชื่อของมันเนื่องจากช่องการนำสัญญาณหลักมีการใช้ทั้งอิเล็กตรอนและโฮลเพื่อนำกระแสไฟฟ้าหลัก

  –ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้า (Field-effect transistor)

ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้า(FET) มีขาต่อสามขา คือ ขา เดรน(drain) เกท(gate) ซอร์ส(source) หลักการทำงานแตกต่างจากทรานซิสเตอร์แบบหัวต่อไบโพลาร์(BJT) นั่นคืออาศัยสนามไฟฟ้าในการสร้างช่องนำกระแส(channel) เพื่อให้เกิดการนำกระแสของตัวทรานซิสเตอร์ ในแง่ของการนำกระแส ทรานซิสเตอร์แบบสนามไฟฟ้าและแบบหัวต่อไบโพลาร์มีลักษณะของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน นั่นคือกระแสในทรานซิสเตอร์แบบหัวต่อไบโพลาร์จะเป็นกระแสที่เกิดจากพาหะส่วนน้อย(minor carrier) แต่กระแสในทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าจะเกิดจากพาหะส่วนมาก(major carrier)

 ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B8“.

 

โลกของหุ่นยนต์

ขอต้อนรับสู่โลกของหุ่นยนต์ (ROBOT ZONE)
ในส่วนของโลกของหุ่นยนต์นี้ จะมุ่งไปที่เรื่องราวของหุ่นยนต์เท่าที่จะหาข้อมูลมาได้ครับ เช่น การเรียนรู้การออกแบบการสร้างหุ่นยนต์
แบบง่าย ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่ต้องใช้โปรแกรมในการควบคุม อุปกรณ์สำหรับในการสร้างหุ่นยนต์ วงจรการควบคุมสำหรับหุ่นยนต์แบบ
ต่างๆ รวมไปถึงบทความ โครงงานต่างๆที่จะนำมาลงไว้ในส่วนของหุ่นยนต์แห่งนี้ครับ
ที่มาที่ไปของหุ่นยนต์ ในสมัยก่อนหุ่นยนต์เป็นเพียงการจิตนาการของมนุษย์ ว่าในวันข้างหน้าจะต้องมีเครื่องจักรที่สามารถมาใช้งาน
แทนมนุษย์ได้ และในช่วง ประมาณ ค.ศ.1942 ไอเซก อะซิมอฟ ได้เขียนนิยายเรื่องสั้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ซึ่งโด่งดังมาก จากนั้น


หุ่นยนต์ หรือ Robot จะไม่ได้อยู่ในจิตนาการอีกต่อไป แต่จริงๆแล้วเครื่องจักรหรือเครื่องกลที่สามารถทำงานแทนมนุษย์นั้นมีมานาน
แล้ว เช่น นาฬิกาน้ำ สร้างขึ้นเมื่อ 250 ปีก่อนคริสตร์กาล หุ่นยนต์ได้มีการพัฒนาการรูปต่างๆกันโดยมนุษย์ มีการนำเทคโนโลยีมา
ใส่ไว้ในตัวหุ่นยนต์ ทำให้หุ่นยนต์มีความสามารถในการทำงานมากขึ้น รวมทั้งมีการตัดสินใจได้ด้วยตัวเองซึ่งจะใช้เทคโนโลยีที่เรียก
ว่า AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์
ปัจจุบันหุ่นยนต์ได้นำมาใช้งานมากมาย ตามโรงงานต่างๆจะใช้หุ่นยนต์ในการประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ บางมหาวิทยาลัยได้มีการ
วิจัยพัฒนารูปแบบของหุ่นยนต์ให้มีความสามารถมากขึ้น บางบริษัทก็หันมาพัฒนาหุ่นยนต์ให้เป็นที่รู้จักกันมากมาย ทั้งเอาไว้เพื่อ
ความบันเทิง หรือเอาใช้ใช้ประโยชน์ ประเทศที่มีการใช้หุ่นยนต์หรือมรการพัฒนาหุ่นยนต์คงหนีไม่พ้น ญี่ปุ่น และอเมริกา ในอนาคต
เราคงจะได้เห็นการใช้ประโยชน์จากหุ่นยนต์กันมากขึ้น หรือ อาจจะมาเป็นเพื่อนของมนุษย์เลยก็ว่าได้

เริ่มเรียนรู้หุ่นยนต์จากที่นี่ น้องๆที่สนใจการออกแบบ การสร้างหุ่นยนต์คงจะต้องติดตามข่าวสารในเว็บนี้ด้วยนะครับเพราะว่า
ทางทีมงานจะพยายามหาแหล่งความรู้ของหุ่นยนต์ การสร้างหุ่นยนต์ในรูปแบบต่างๆ รวมกันการเขียนโปรแกรมสำหรับ
สั่งงานให้หุ่นยนต์ทำงานในรูปแบบต่างๆ โดยจะเริ่มตั้งแต่ระดับที่ง่าย สำหรับน้องๆที่สนใจ คงจะต้องพยายามอ่านบทความต่างๆ
ที่ทางทีมงานเขียนไว้นะครับ เพราะการที่เราจะเรียนรู้การสร้างหุ่นยนต์ คงจะต้องใช้ความรู้หลายอย่าง เช่น ความรู้ทางด้าน
อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ครับ

ความหมายของหุ่นยนต์ และ กฎของหุ่นยนต์ คำว่าหุ่นยนต์จะหมายถึง เครื่องจักรที่ทำงานแทนมนุษย์โดยมีคำสั่งที่มนุษย์ป้อนให้


กฎของหุ่นยนต์
1. หุ่นยนต์ต้องไม่ทำร้ายมนุษย์ และหุ่นยต์ต้องช่วยเหลือมนุษย์
2. หุ่นยนต์ต้องเชื้อฟังคำสั่งของมนุษย์ แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับข้อ 1
3. หุ่นยนต์สามารถป้องกันตัวเองได้แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับข้อที่ 1 และ 2
อุปกรณ์สำหรับสร้างหุ่นยนต์ + + + + + + + 

ชุดคิทหุ่นยนต์ เดินตามเส้น หุ่นยตต์เดินตามแสง และหุ่นยนต์เดินหลบหลีก
มีทั้งแบบชุดคอท (ประกอบเอง) ชุดสำเร็จ และวงจร
 รายละเอียดเพิ่มเติม
มอเตอร์ทดรอบขนาดเล็ก 48 :1 , 87 :1 , 120 : 1 , 288 :1 และแบบ 2 แกน รายละเอียดเพิ่มเติม
ล้ดสำหรับมอเตอร์ และ ล้อหลังแบบหมุนได้รอบทิศทาง รายละเอียดเพิ่มเติม
มอเตอร์ทดรอบแกนเหล็ก 12VDC และ 24VDC รายละเอียดเพิ่มเติม
เพื่อง โซ่ และข้อต่อแบบต่างๆ รายละเอียดเพิ่มเติม
อุปกรณ์อื่นๆ รายละเอียดเพิ่มเติม

 


หลักสูตรทางด้านหุ่นยนต์ ++++++++++

การโปรแกรมหุ่นยนต์เบื้องต้น

หลักสูตรนี่จะเน้นไปที่การเขียนโปแกรมสำหรับหุ่นยนต์ชั้นต้น โดยจะใช้ไมโครคอนโทรเลอร์ PIC หรือ AVR
และใช้ ภาษา C หรือ C Arduio สามารถเลือกไมโครคอนโทรเลอร์ได้
หลักสูตรนี่จะแบ่งเป็น 3 ระดับคือ
การโปแกรมหุ่นยนต์ 1 จะเป็นการการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น และ การเขียนหุ่นยนต์เบื้องต้น ใช้ตัวตรวจจับ
จำนวนน้อย หุ่นยนต์ที่มาเขียนได้ เช่น หุ่นยนต์วิ่งตามเส้น หุ่นยนต์หลบหลีกสิ่งกีดขวาง เป็นต้น

การโปแกรมหุ่นยนต์ 2 จะเป็นการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ที่ซับซ้อนกว่าระดับที่ 1 และมีการใช้ตัวตรวจจับ
มากขึ้น เช่น เซอร์เซอร์วัดระยะทาง การเขียนโปรแกรมควบคุม สเต็ปมอเตอร์ เซอร์โวมอเตอร์ เมื่อจบหลัก
สูตรนี้สามารถเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์แข่งขันเบื้องต้นได้

การโปแกรมหุ่นยนต์ 3 จะเป็นการเขียนโปแกรมหุ่นยนต์สำหรับการแข่งขันในระดับมัฐยมศึกษา โดย
จะเน็นการจำลองสนามแข่งต่างๆ การเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อน เพื่อให้หุ่นยนต์มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น


การโปรแกรมหุ่นยนต์พิเศษ จะเป็นการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ที่ใช้ในการสร้างโครงงานต่างๆ

หลักสูตรสำหรับสำหรับเด็กประถม ( ป3 – ป6 )
หลักสูตรสำหรับเด็กเล็ก ระดับประถมศึกษา จะประกอบไปด้วย ความรู้เบื้องต้นทางด้าน ไฟฟ้า – อิเล็กทรอนิกส์
และ หุ่นยนต์เบื้องต้น ซึ่งเป็นหลักสุตรที่เน้นการปฎิบัติ โดยจะมีเนื้อหาการสอนตามลำดับดังนี้

1. เรียนรู้หุ่นยนต์เบื้องต้น ซึ่งจะเป็นเนื้อหาความรู้ทางด้านหุ่นยนต์เบื้องต้น ชม VDO หุ่นยนต์ ต่างๆ

2. พื้นฐาน การเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ จะเป็นภาคปฎิบัติ การต่อวงจรไฟฟ้าควบคุมการทำงานของมอเตอร์ซึ่งจะเป็น
พื้นฐาน ของการควบคุมมอเตอร์ในการบังคับหุ่นยนต์ ต่อไป

3. การประดิษฐ์ หุ่นยนต์บังคับมือ พื้นฐาน ( หรือดัดแปลงเป็นหุ่นยนต์วัสดุเหลือใช้) จะเป็นการฝึกการประกอบ
การสร้างหุ่นยนต์แบบบังคับด้วยมือ โดยใช้สายบังคับ โดยจะสอนกาสรบัดกรี การต่อวงจร การทดสอบหุ่นยนต์
และการใช้วัสดุเหลือใช้ในการตกแต่งหุ่นยนต์

4. วงจรอิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานและการต่อวงจรเบื้องต้น จะเป็นการต่อวงจรพื้นฐานในแผ่นทดลองวงจร
ซึ่งน้องๆจะได้เรียนรู้การใช้งาน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานที่จะใช้ในการสร้างวงจรขนาดเล็กได้

5. การต่อวงจรสำหรับวงจรหุ่นยนต์อัตโนมัติ และหลักการทำงานเบื้องต้น จะเป็นการต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งต่อจากหัวข้อที่ 4 แต่จะเป็นการ ต่อวงจรสำหรับหุ่นยนต์เป็นหลัก ซึ่งจะมีการประกอบโครงหุ่นยนต์ ขึ้นใหม่สำหรับ
ในการสร้างโครงงาน เช่น หุ่นยนต์ เดินตามเส้น หุ่นยนต์เดินตามแสง หุ่นยนต์เดินตามเสียง เป็นต้น

6. วงจรอัตโนมัติ จากหนังสือ 35 in 1 Robot จะเป็นการต่อวงจรตามหนังสือ 35 in 1 Robot โดยจะสอน
ต่อวงจรที่ง่ายสำหรับผู้เรียน

7. ทดลองการบังคับหุ่นยนต์เดิน 2 ขา จากคอมพิวเตอร์ เป็นการทดสอบการทำงานของหุ่นยนต์เดิน 2 ขา
โดยจะใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ซึ่งสามารถควบคุมให้หุ่นยนต์เดินไปมา หรือ ประยุกต์ไปใช้งานด้านอื่นๆได้

8. การเขียนโปรแกรมสำหรับหุ่นยนต์ อัตโนมัติ จะเป็นการเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน
ของหุ่นยนต์ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เช่น Logo หรือ ภาษา เบสิก เป็นต้น

 

ประวัติวันสงกรานต์

วันสงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์ ตำนานสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า “สงครามน้ำ”

สงกรานต์

เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี

พิธีสงกรานต์ 

เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข

ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริม จนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ

การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน “กลับบ้าน” ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม ที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ตำนานนางสงกรานต์

ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม “ธรรมบาล” ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย

ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน

ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกิน..พธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้

ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกา พระอินทร์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะ ก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหม แห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์ แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้

1. ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ
2. ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)
3. ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)
4. ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)
5. ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)
6. ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)
7. ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)

สำหรับความเชื่อทางล้านนานั้นจะมีว่า

1. วันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี
2. วันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา
3. วันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี
4. วันพุธ ชื่อ นางมันทะ
5. วันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ
6. วันศุกร์ ชื่อ นางริญโท
7. วันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี

วันสตรีสากล

          อดีตที่ผ่านมา สตรีมักเป็นฝ่ายที่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของชาย ไร้ซึ่งสิทธิและเสรีภาพอย่างที่ควรจะได้รับ การถูกกดขี่ข่มเหง และการเอารัดเอาเปรียบที่มีต่อสตรีในสังคมได้กลายเป็นแรงผลักดัน ให้สตรีส่วนหนึ่งลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรม และความเท่าเทียมกันในสังคม เรื่องราวแห่งการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธินี้สืบย้อนไป โดยเริ่มตั้งแต่
ปี ค.ศ.1789 (พ.ศ.2332)
          บรรดาสตรีชาวปารีสพร้อมใจกันเดินขบวนไปยังพระราชวังแวร์ซายส์ ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส พร้อมทั้งเรียกร้องเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพและเรียกร้องความคุ้มครองแก่สตรีขึ้นเป็นครั้งแรก
ปี ค.ศ.1857 (พ.ศ.2400)
          เมื่อวันที่ 8 มีนาคม กลุ่มผู้ใช้แรงงานสตรีจากโรงงานทอผ้าและตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ได้พากันเดินขบวนประท้วงในกรุงนิวยอร์ก เพื่อเรียกร้องสิทธิในการทำงาน และให้มีการรับรองสภาพการทำงานของสตรีที่ดียิ่งขึ้น โดยเรียกร้องเพิ่มค่าจ้างและปรับปรุงสภาพ การทำงาน แต่แล้วเหตุการณ์ก็จบลงด้วการฆาตรกรรมโหดคนงานหญิง 119 คน โดยการเผาโรงเรียนในขณะที่คนงานหญิงกำลัง
ประท้วงอยู่
ปี ค.ศ.1866 (พ.ศ.2409)
          การประชุมสมัชชาของบรรดาสมาคมผู้ใช้แรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 1 ได้มีการออกมติเกี่ยวกับการทำงาน อาชีพของสตรี รับว่าเป็นการท้าทายอย่างเปิดเผยต่อขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ในสมัยนั้นที่กำหนดให้สตรี ต้องอยู่แต่เฉพาะในบ้านเท่านั้น
ปี ค.ศ.1889 (พ.ศ.2432)
          เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ.1889 คลาร่า เซทกิ้น ได้แสดงสุนทรพจน์เป็นครั้งแรก เรื่องปัญหาของสตรีต่อที่ประชุมผู้ก่อตั้ง
สภาคองเกรสสากล ครั้งที่ 2 ในกรุงปารีส โดยเรียกร้องให้สตรีมีสิทธิในการทำงาน ให้มีการคุ้มครองสตรีและเด็ก รวมทั้งยังได้ เรียกร้องให้สตรีมีส่วนร่วมในการประชุมระดับชาติ และระดับสากลอีกด้วย นับเป็นเสียงเรียกร้องที่สำคัญและมีความหมายอย่างยิ่ง
ปี ค.ศ.1899 (พ.ศ.2442)
          ได้มีการจัดประชุมกลุ่มสตรีผู้ต่อต้านสงครามขึ้นที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ซึ่งมีการประชุมดังกล่าว นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น ของขบวนการต่อต้านสงครามที่พัฒนา และเติบโตขึ้นมากในช่วงศตวรรษที่ 20
ปี ค.ศ.1907 (พ.ศ.2450)
          กรรมกรสตรีในโรงงานทอผ้าได้ลุกฮือขึ้นเดินขบวนประท้วงการเอาเปรียบกดขี่ ขูดรีด ทารุณจากนายจ้าง ที่เห็นผลผลิต สำคัญ กว่าชีวิตคน ณ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของ คลาร่า เซทกิ้น โดยเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาทำงาน จากวันละ 12-15 ชั่วโมง ให้เหลือวันละ 8 ชั่วโมงพร้อมทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการภายในโรงงาน และให้สตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งด้วย ในการ เรียกร้อง ครั้งนี้ แม้จะมีหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากสตรีทั่วโลก และส่งผลให้วิถีการแบบทุนนิยมเริ่มสั่นคลอน
ปี ค.ศ.1910 (พ.ศ.2453)
          เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ได้มีการประชุมครั้งที่ 2 ของสมัชชานักสังคมนิยมหญิงนานาชาติ (International Conference of Socialist Women) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมี คลาร่า เซทกิ้น นักสังคมนิยมจากเยอรมัน ในฐานะที่เป็นเลขาธิการ ของสตรีสากล ได้เสนอให้วันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรีสากล เพื่อรำลึงถึงการต่อสู้ของคนงานหญิงโรงงานทอผ้าในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่การต่อสู้จบลงด้วยการฆาตรกรรมหมู่ และก็ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์ จากผู้เข้าร่วมการประชุมนับร้อย จากองค์กรต่าง ๆ 17 ประเทศ อันประกอบด้วยออสเตรเลีย เดนมาร์ก เยอรมัน และสวิสเซอร์แลนด์ มีประชาชนชายหญิงมากกว่า 1 ล้านคนเข้าร่วมชุมนุม มีการเรียกร้องสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพิ่มเติม จากการเรียกร้องสิทธิ ในการทำงาน การเข้ารับการอบรมวิชาชีพ และการให้ยุติการแบ่งแยกในการทำงาน
ปี ค.ศ.1911 (พ.ศ.2454)
          มีการจัดงานวัดสตรีสากลเพิ่มขึ้น ในประเทศฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ และสวีเดน
ปี ค.ศ.1913 (พ.ศ.2456)
          มีการจัดชุมนุมเนื่องในวันสตรีสากลขึ้นในรัสเซียเป็นครั้งแรก ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก แม้ว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวาง
ก็ตาม
ปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457)
          วันสตรีสากลได้จัดขึ้น โดยได้เชิดชูคำขวัญของขบวนการสันติภาพ ทั้งนี้เพื่อต่อต้านสงครามที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในยุโรป หลังจากนั้น เป็นต้นมา การฉลองวันสตรีสากลก็ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สตรีในทวีปต่าง ๆ ทั้งแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกาต่างก็ร่วมมือ กันต่อสู้ เพื่อสิทธิเท่าเทียมกัน เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งร่วมกันผลักดันให้มีการตระหนัก ในเรื่องสิทธิมนุษยชน ของสตรีอย่างสมบูรณ์
ปี ค.ศ.1957 (พ.ศ.2500)
          องค์การสหประชาชาติได้เห็นความสำคัญ และเข้ามามีส่วนร่วม โดยสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ได้มีมติที่ 32/142 ในการเชิญชวน ให้ทุกประเทศทั่วโลก กำหนดให้วันหนึ่งวันใดเป็นวันฉลองแห่งชาติ ว่าด้วยสิทธิสตรีและสันติภาพสากล โดยทั้งนี้ ให้ขึ้นอยู่กับขนบธรรมเนียมประเพณี และสภาพทางประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ ซึ่งหลายประเทศส่วนใหญ่ได้กำหนดให้วันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรีสากล (International Women’s Day)
          การริเริ่มของสหประชาชาติในการยกระดับสภาพเงื่อนไขของสตรี มีผลทำให้เกิดการจัดตั้งงค์กรทางด้านกฎหมาย ระหว่าง ประเทศ เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในทางกฎหมายให้เกิดขึ้น และมีองค์กรในสหประชาชาติอีกหลายองค์กรที่ทำงานผลักดัน ให้เกิดความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง โดยการทำให้ประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจมากขึ้น และพยายามเปลี่ยนแปลงแก้ไขขนบธรรมเนียม และเจตคติที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติมาเป็นเวลานาน
          องค์กรต่าง ๆ ที่สำคัญในระบบของสหประชาชาติ ที่มีหน้าที่พิทักษ์สิทธิสตรี ได้แก่
          (1) คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (UNCSW) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) โดยเป็นองค์กรภายใต้คณะมนตรี เศรษฐกิจและสังคม (ECOSOC) มีหน้าที่กำหนดแนวทางการยกระดับสถานภาพสตรี ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม และด้านการศึกษา
          (2) คณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (CEDAW) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) เพื่อเป็นองค์กรในการติดตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ องค์กรนี้ มีหน้าที่ตรวจสอบว่าประเทศภาคี อนุสัญญาฯ กว่า 100 ประเทศ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของอนุสัญญา ฯ หรือไม่
               - แผนกเพื่อความก้าวหน้าของสตรี เป็นหน่วยงานภายใต้ศูนย์พัฒนาสังคม และกิจการด้านมนุษยธรรม ทำหน้าที่เป็น สำนักงานเลขานุการ ดำเนินการวิจัย และทำงานสนับสนุนองค์กรทั้งสองข้างต้น
               - กองทุนพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNIFEM) เป็นกองทุนภายใต้โครงสร้างของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาาติ (UNDP) ทำหน้าที่สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการผสานสตรีในกระบวนการพัฒนา ด้วยวิธีการส่งเสริมกิจกรรม สร้างเสริมรายได้ขนาดย่อม
               - สถาบันวิจัยและฝึกอบรมระหว่างประเทศ เพื่อความก้าวหน้าของสตรี (INSTRAW) เป็นแหล่งให้เงินทุนอุดหนุน และมีหน้าที่ทำวิจัย เพื่อยกระดับวิธีการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับการพัฒนา
ผู้ให้กำเนิดวันสตรีสากล
          คลาร่า เซทกิ้น (CLARE ZETKIN)
          ค.ศ.1857 – 1933 (พ.ศ.240 – 2476)
          คลาร่า เซทกิ้น เธอจึงได้รับการขนานนามว่า มารดาแห่งการเคลื่อนไหวสตรีสากล เป็นผู้ให้กำเนิดวันสตรีสากล
          นักการเมืองหญิงสายมารค์ซิสต์ และอิตถีนิยม ชาวเยอรมัน เป็นผู้ริเริ่มวันสตรีสากลชื่อเดิมชื่อ คลาร่า ไอนส์เนอร์ เกิดที่เมืองไวเดอรูว์ แคว้นแซกโซนี่ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ.1857 (พ.ศ.2400) จบการศึกษาจากวิทยาลัยครูเมืองไลป์ซิก และพบรัก กับเพื่อนนักศึกษาชาวรัสเซียด้วยกัน นามว่า ออพซิป เซทกิ้น และได้แต่งงานด้วยกันในเวลาต่อมา มีบุตร 2 คน และเป็นหม้ายในปี ค.ศ.1889 (พ.ศ.2432)
          ในปี ค.ศ.1884 (พ.ศ.2424) ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคสังคมประชาธิปไตย (Social Democratic Party) ซึ่งเป็น พรรคการเมืองที่ก่อตั้งได้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะถูกยุบ โดยมหาเอกอัครเสนาบดีของปรัสเซีย (เยอรมัน) นามว่า ออทโต ฟอน บิสมารค์ และคลาร่าได้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่สวิตท์เซอร์แลนด์
          ค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) คือ 8 ปี ให้หลังคลาร่าได้กลับสู่เยอรมันดินแดนมาตุภูมิ คลาร่ากลับมาพร้อมกับการก่อตั้ง กลุ่มนักสังคม นิยมหญิง หลักจากนั้น ในปี ค.ศ.1910 (พ.ศ.2453) ได้ริเริ่มในการเสนอให้กำหนดวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีสากล
          นับจากปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) ในขณะที่ประเทศเยอรมันกำลังทำสงครามโลกครั้งที่ 1 คลาร่า เซทกิ้น ได้ร่วมมือกับ โรซ่า
ลัมเซมเบอรค์ (นัดคิดสายมารค์ซิสต์หญิงคนสำคัญ) ร่วมกันรณรงค์ต่อต้านสงครามโลกครั้งที่ 1 ในนามกลุ่ม สปาร์ตาซิสต์* จึงทำให้
คลาร่าเดินเข้าออกจากคุกนับครั้งไม่ถ้วน
          * กลุ่มสปาร์ตาซิสต์ (spatarcist) เป็นกลุ่มกรรมการในเยอรมันที่ประท้วงรัฐบาลเยอรมันสมัยนั้น ในการทำสงครามโลก ครั้งที่ 1 ภายใต้การนำของ 2 นักสังคมนิยมเยอรมัน โรซ่า ลัมเซมเบอรค์ (Rosa Luxemburg) และคารล์ เลี๊ยบเนคท์ (Karl Liebknecht) ด้วยความคิดที่ว่า ทหารที่ส่งไปรบและล้มตาย ก็คือประชาชน หรือผู้ใช้แรงงาน สงครามเป็นการกระทำที่สนองตัณหาของรัฐบาล ในการต้องการความยิ่งใหญ่ แต่ประชาชนมีแต่ต้องสูญเสีย (กลุ่มสปาร์ตาซิสต์ เป็นชื่อที่นำมาจากชื่อของ สปาร์ตาคัส ผู้นำของทาศ ในยุคโรมันโบราณที่หาญกล้าขึ้นปฏิวัติล้มอำนาจของจักรพรรดิโรมันยุคโบราณ)

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส

ถึงแม้ว่าวิวัฒนาการด้านการออกกำลังกายใหม่ๆ จะเกิดขึ้นมากมาย เครื่องมือบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ออกมาจนเลือกใช้กันแทบไม่ไหว แต่เพื่อนๆ  รู้มั้ยว่า การออกกำลังกายแบบธรรมดาๆ อย่างการว่ายน้ำนี่แหละกินขาด! ทั้งปลอดภัยต่อแรงกระแทกที่ข้อต่อหัวเข่า แถมยังออกกำลังได้มากกว่าในเวลาเดียวกัน เพราะว่าในน้ำมีแรงเสียดทานมากกว่าบนบกถึง 14% ดังนั้นทุกแรงที่คุณออกไปในน้ำจะให้ผลลัพธ์ในการเผาผลาญไขมันและกระชับกล้ามเนื้อได้ดีกว่าการออกกำลังบนบกทั้งปวง อีกทั้งยังประหยัดเงินดีอีกต่างหาก คราวนี้มาดูกันซิว่าจะว่ายท่าไหน และว่ายอย่างไรเพื่อให้ได้หุ่นฟิตในแบบที่คุณต้องการ

 

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส รูปที่ 1

ท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Stroke)

ท่าว่ายที่ถูกต้อง : นับเป็นท่าพื้นฐานที่สุด แต่คนจำนวนมากก็ยังคงว่ายไม่ถูกท่าอยู่ดี วิธีว่ายให้ถูกท่านั้นทำไม่ยาก เพียงใช้แขนขาให้ถูกต้องและสัมพันธ์กัน สำหรับแขนให้ยืดแขนไปด้านหน้า แล้วแบฝ่ามือออกในลักษณะคล้ายฝีพาย ดึงผ่านน้ำไปด้านหลัง แล้วยกขึ้นเหนืออากาศผ่านลำตัวด้านบนโดยทำแขนให้เป็นรูปตัว L แล้วหันสันมือกลับลงน้ำด้านหน้าดึงลำตัวให้ตึงอยู่เสมอ แล้วทำสลับด้านกันไปสำหรับการเตะเท้า เก็บปลายเท้าแล้วเตะเท้าโดยใช้กำลังส่งจากสะโพกโดยงอขาให้น้อยที่สุดเตะขา สัก 6-12 ครั้งแล้วจึงหมุนแขน 1 ครั้งแล้วสลับด้านกันไปเรื่อยๆ

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส รูปที่ 2

การเผาผลาญต่อครึ่งชัวโมง : 206 แคลอรี่สำหรับการว่ายในความเร็วปานกลาง
ผลลัพธ์ทีได้ : กระขับกล้ามเนื้อลำตัว กล้ามเนื้อช่วงไหล่ และต้นขาด้านหลัง

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส รูปที่ 3

ท่ากรรเชียง (Backstroke)

ท่าว่ายที่ถูกต้อง : ดูจะเป็นท่าที่ไม่ค่อยใช้กำลัง แต่ให้ผลดีต่อกล้ามเนื้อหน้าท้องมาก เริ่มต้นจากการหงายตัวลอยเหนือน้ำ เงยหน้าไปด้านหลังให้ศีรษะขนานกับแนวกระดูกสันหลังเปรียบตัวเองคล้ายกังหันลม โดยมีแขนทั้งสองเป็นใบพัด วางแขนขนานลำตัวแล้วเริ่มต้นหมุนแขนไปด้านหลัง ใช้มือเฉียงลงต้านหลังโดยให้นิ้วก้อยลงแตะน้ำก่อน ทำซ้ำอีกด้านหนึ่งไปเรื่อยๆ ยืดขาตรงตอนเตะน้ำ แต่ไม่ต้องตรงจนเกร็งมากเกินไป รักษาลำตัวให้ยืดตรงอยู่เสมอและรักษาจังหวะการว่ายให้ได้ระดับอย่างต่อเนื่อง เตะขาสัก 6-12 ครั้งแล้วจึงหมุนแขน 1 ครั้ง ทำสลับด้านกันไปเรื่อยๆ

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส รูปที่ 4


การเผาผลาญต่อครึ่งชั่วโมง : 206 แคลอรี่สำหรับการว่ายในความเร็วปานกลาง
ผลลัพธ์ที่ได้ : ลดและกระชับหน้าท้องด้านบนและล่างให้เรียบฟิต

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส รูปที่ 5


ท่ากบ (Breaststroke)

ท่าว่ายที่ถูกต้อง : เนื่องด้วยท่านี้จำลองมาจากท่าว่ายน้ำของกบ ดังนั้นให้คุณจินตนาการตัวเองเป็นเจ้ากบน้อย คว่ำตัวลอยเหนือน้ำ ประนมมือไว้ด้านหน้าราวกำลังอธิษฐานขอพรดึงเข้ามาบริเวณหน้าอก แล้วถีบออกในลักษณะเดียวกับกบ วาดขาเป็นวงแล้วเหยียดขายืดตรงไปด้านหลัง จากนั้นดันมือทั้งสองข้างออกแล้วเลื่อนผ่านมาด้านหลัง ค่อยๆ พลิกมือคว่ำลงผ่านน้ำ ในขณะที่ออกแรงลากผ่านน้ำ ดึงตัวขึ้นเหนือน้ำเพื่อหายใจเข้า ดำลงไปหายใจออกใต้น้ำ แล้วว่ายต่อในลักษณะเดิม พยายามอย่าเร่งจังหวะมาก แต่ค่อยๆ ทำให้ถูกท่าเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกกำลังมากที่สุด

การเผาผลาญต่อครึ่งชั่วโมง : 295 แคลอรี่สำหรับการว่ายในความเร็วปานกลาง
ผลลัพธ์ที่ได้ : ฟิตกล้ามเนื้อต้นแขน ต้นขาด้านหน้า และด้านหลังแข็งแรงกระชับ

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส รูปที่ 7

ท่าผีเสื้อ (Butterfly Stroke)

ท่าว่ายที่ถูกต้อง : ท่าผีเสื้อ เป็นท่าที่คุณต้องใช้แรงในการว่ายมากที่สุด และในการสอนว่ายน้ำก็จะสอนท่านี้เป็นท่าสุดท้าย ท่านี้มีความเร็วเป็นอันดับสองรองจากฟรีสไตล์ แต่ถ้าคุณว่ายเก่งคุณสามารถว่ายจี้ติดคนที่ว่ายท่าฟรีสไตล์ได้เลยทีเดียว ในการว่ายท่าผีเสื้อนี้คุณจะต้องฝึกฝนเป็นเวลานานกว่าท่าอื่น รวมทั้งคุณต้องมีร่างกายที่แข็งแรงด้วย บางคนคิดว่าการว่ายผีเสื้อต้องเป็นคนที่หัวไหล่แข็งแรงเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วแค่นั้นยังไม่พอ คุณต้องมีกล้ามเนื้อทั้งหัวไหล่ หน้าอก ลำตัว หลัง และขาที่แข็งแรงมาก ถ้าคุณว่ายที่นี้ได้ดี คุณจะว่ายได้อย่างสวยงามไม่น้อยเลย สำหรับผู้ชายที่ว่ายน้ำท่านี้ คุณจะมีรูปร่างที่สวยงามเป็นเหมือนสามเหลี่ยมหัวกลับเลยเชียว แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณก็อาจจะมีช่วงไหล่ที่กว้างและใหญ่ได้ ในการว่ายท่านี้มีลักษณะเป็นการถ่ายน้ำหนักของร่างกายไปมาจากหน้าไปหลัง และหลังไปหน้าไปเรื่อย ๆ ดังนั้นท่านี้ต้องอาศัยเอวและสะโพกมาช่วย

ว่ายน้ำ เฟิร์มหุ่น-ลดไขมันได้ไม่ต้องง้อฟิตเนส รูปที่ 8

การเผาผลาญต่อครึ่งชั่วโมง : 350 แคลอรี่สำหรับการว่ายในความเร็วปานกลาง
ผลลัพธ์ที่ได้ : กล้ามเนื้อทั้งหัวไหล่ หน้าอก ลำตัว หลัง และขา ฟิตกระชับได้สัดส่วน

http://onehero1cl.blogspot.com/

ความหมาย ดอกไม้ที่ให้ใน ” วันวาเลนไทน์ “

.. ดอกไม้ ” วันวาเลนไทน์ ” ..

 

มนุษย์ ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราอาจจะคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่ม สาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดสามารถสื่อความรักได้หลาย รูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย

 

กุหลาบตูม
ดอกไม้วันวาเลนไทน์ กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
กุหลาบบาน
ดอกไม้วันวาเลนไทน์ กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น
กุหลาบสีดำ
ดอกไม้วันวาเลนไทน์ กุหลาบดำ หมายถึง ความรักนิรันดร์
redrose

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ กุหลาบ แดง (red rose) : จะใช้ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า “ฉันรักเธอ” การให้ดอกกุหลาบแดงกับคนที่รักความ หมายถึงความรักอันลึกซึ้ง จริงจัง กุหลาบแดงจึงมักจะเป็นดอกไม้ ที่ชายหนุ่มให้หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน

whiterose

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ กุหลาบ ขาว (white rose) : สีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธ์ กุหลาบขาวจึงแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ดังนั้นมันจึงสามารถใช้แทนความรักของคนต่างวัย ความรักต่อพ่อแม่ เพื่อน หรือคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจได้

pinkrose

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ กุหลาบ ชมพู (pink rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน การให้ดอกกุหลาบสีชมพูสามารถแสดงถึงความรัก ที่กำลังเริ่มงอกงามในใจ และสามารถพัฒนาต่อไปเป็นความรักที่ลึกซึ้งได้

yellowrose

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ กุหลาบ เหลือง (yellow rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส กุหลาบสีเหลืองถูกใช้สำหรับแทนความรักแบบเพื่อน และความ สนุกสนานรื่นเริงจึงมักจะนำมันมาประดับตะกร้าสำหรับเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อทำให้คนป่วยรู้สึกสดชื่นรื่นเริงขึ้นนั่นเอง

redtulib

สำหรับ ดอกไม้วันวาเลนไทน์ ดอกไม้อื่น ๆ ที่ถูกมาใช้แทนความหมายแห่งความรักก็มี ดอกทิวลิบสีแดง (red tulib) ชาวตะวันตกใช้มันแทนการประกาศความรัก อย่างเปิดเผย คล้าย ๆ กับดอกกุหลาบแดง

pink carnation

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู (pink carnation) ใช้สื่อความหมายว่า “ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ” หรือ “คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ”

white lilly

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ ดอก ลิลลี่สีขาว (white lilly) แสดงความรักแบบบริสุทธ์ เช่นเดียวกันกับดอกกุหลาบขาว นอกจากนั้นลิลลี่สีขาวยังแสดงถึงความรักแบบอ่อนหวานจริงใจ และเทอดทูน และมักถูกใช้แทนประโยคที่ว่า “ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้ได้รู้จัก และอยู่ใกล้คุณ “

forget me not

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ สำหรับดอก forget-me-not มีความหมายตรงตัวคือได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน

sunflower

ดอกไม้วันวาเลนไทน์ มา ถึงดอกไม้ที่เห็นได้ทั่วไปในบ้านเราบ้างดอกทานตะวัน (sunflower) มีความหมายถึงความรักแบบคลั่งไคล้ ความรักแบบบูชา แต่สำหรับชาวตะวันตก ดอกทานตะวันจะหมายถึงความเข้มแข็งอดทน จึงสามารถใช้แทนความรักที่ต้องฝ่าฟันกว่าจะได้ความรักมา

 

จะ เห็นได้ว่าดอกไม้เป็นประดิษฐกรรมทางธรรมชาติที่มนุษย์เรานำมาใช้เป็นสื่อแทน ความหมาย แห่งความรักได้หลายรูปแบบ การมอบดอกไม้ให้กับคนที่เรามีความรู้สึกพิเศษจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม … Vlentine นี้คุณมีดอกไม้ในใจที่จะให้คนที่คุณรักแล้วหรือยัง

คำคมภาษาเกาหลีต้อนรับวาเลนไทน์ ซึ้งมาก+โดนใจสุดๆ

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com …. เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori ทุกวันที่
10 20 และ 30 ของเดือนเช่นเคย!! อีกไม่กี่วันก็จะถึง 14 กุมภาวันวาเลนไทน์
คนมีคู่คงดีใจ ส่วนคนโสดคงนั่งหงอยกันแน่ๆ เลย T~T

สำหรับ KoreanKori วันนี้ขอตามกระแสเดือนแห่งความรัก มาพร้อมกับ
“คำคมสุดซึ้งกินใจ” ค่ะ เห็นชอบแชร์กันนักในเฟสบุคทวิตเตอร์^^
คราวนี้ลองมารู้จักคำคมในเวอร์ชั่นภาษาเกาหลีบ้างดีกว่า ว่าจะซึ้งกินใจ
แค่ไหน รับรองว่าโดนมากๆ

사랑에 빠져 들지 않으려는 사람. 그는 고통과 슬픔을 피할 수 있을지는 모른다. 하지만 그는 배울 수 없고, 느낄 수 없고, 달라질 수 없으며, 성장할 수 없다.

(ซารางเง ปาชยอ ทึลจี อันนือรยอนึน ซารัม คือนึน โคดงควา ซึลพืมมึล พีฮัล ซู อิทซึลจีนึน โมรึนตา ฮาจีมาน คือนึน แพอูล ซู ออบโก นือกิล ซู ออบโก ทัลลาชิล ซู ออบซือมยอ ซองชังฮัล ซู ออบตา)

คำคมนี้มาจากหนังสือชื่อดังเล่มหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า 나는 정말 너를 사랑하는걸까 (ฉันรักเธอจริงหรือเปล่านะ) ประโยคนี้แปลว่า “คนที่ไม่คิดจะมีความรักนั้น ถึงแม้เขาอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวดและความเศร้าได้ แต่เขาจะไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้รู้สึก ไม่ได้เกิดความแตกต่าง และไม่ได้เติบโต”

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคนพูดว่า “ถ้าไม่อยากเจ็บ ก็ไม่ต้องรักสิ” (ซึ่งมันก็จริง) แต่เชื่อเถอะว่า การมีความรักจะทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างทั้งเรื่องดีและไม่ดี ดังนั้นคนที่ไม่มีความรัก ถึงเขาจะไม่ต้องเจอกับเรื่องเศร้าหรือเจ็บปวด แต่เขาก็จะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ค่ะ เพราะฉะนั้น ใครอกหักบ่อยๆ ล่ะก็ เชื่อเถอะว่าเรานี่แหละเซียนตัวจริง!! 5555

기적은 노력의 또 다른 이름이다.

(คีจอกกึน โนรยอกเก โต ทารึน อีรึมมีดา)

ประโยคนี้หากใครเคยดูซีรีส์เกาหลีเรื่อง To the beautiful you คงได้ยินจนเบื่อแน่ๆ 5555 เพราะเป็นประโยคที่นางเอกพูดกับพระเอกบ่อยมาก โดยพระเอกในเรื่องเป็นนักกีฬากระโดดสูงและป่วยมีอาการ Yips Syndrome (มีอาการกล้ามเนื้อเกร็ง และจิตใจก็พลอยคิดไปว่า อวัยวะสำคัญที่ต้องออกแรงนั้นไม่ทำงานอีกแล้ว) พระเอกก็ท้อใจจนอยากจะเลิกเล่นกีฬา แต่นางเอกก็คอยอยู่ข้างๆ และให้กำลังใจด้วยประโยคที่ว่า 기적은 노력의 또 다른 이름이다. หรือแปลว่า “ปาฏิหาริย์ เป็นอีกชื่อหนึ่งของความพยายาม” เพื่อกระตุ้นให้พระเอกลองพยายามอีกครั้ง เผื่อมันจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นนั่นเอง

น้องๆ ที่กำลังท้อเรื่องเรียนโดยเฉพาะเด็กแอด ขอให้พยายามตั้งใจเยอะๆ บางทีอาจจะเกิดปาฏิหาริย์ก็ได้ เพราะ “ปาฏิหาริย์ เป็นอีกชื่อหนึ่งของความพยายาม” นะจ๊ะ!!

세상에 사소한 일은 없다. 다만 그 일을 사소하게 생각하는 사람이 있을 뿐이다.

(เซซังเง ซาโซฮัน อิลลึน ออบตา ทามาน คือ อิลลึล ซาโซฮาเก แซงกักคานึน ซารัมมี อิทซึล ปุนนีดา)

คำคมนี้ไม่ยาวมากแต่ได้ใจความมากค่ะ มาจากหนังสือเรื่อง 공병호의 소울 메이트 (เนื้อคู่ของคงพยองโฮ) โดยแปลว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเล็กหรอก มีแต่คนที่คิดว่าเรื่องนั้นๆ เป็นเรื่องเล็กต่างหาก”

คิดไปคิดมามันก็จริงนะคะ เรื่องบางเรื่องมันเล็กมากในสายตาเรา แต่ในขณะเดียวกัน มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนอื่น ดังนั้นทุกเรื่องในโลกนี้มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ทั้งหมด แต่มันขึ้นอยู่กับว่า ใครจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กเท่านั้นเอง (เอ๊ะ จริงๆ มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กหมด แต่ขึ้นอยู่กับใครจะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้นะ) ชักงงละ = =

사랑은 카메라 플래시처럼 한 순간에 펑 터지는 거거든요. 마음의 준비를 안 했던 아주 잠깐은 눈앞이 깜깜하죠.

(ซารังงึน คาเมรา พึลแลชีชอรอม ฮัน ซุนกานเน พอง ท่อจีนึน คอกอตึนโย มาอึมเม ชุนบีรึล อัน แฮทตอน อาจู ชัมกานนึน นุนนาพี กัมกัมคาจโย)

“ความรักก็เหมือนกล้องถ่ายรูป ที่มีช่วงจังหวะหนึ่งที่แฟลชว้าบขึ้นมา ก็เหมือนกับดวงตาที่มืดไม่เห็นอะไรไปช่วงเวลาหนึ่งอย่างไม่ได้เตรียมใจ”

คำคมนี้มาจากซีรีส์เกาหลีนานมาแล้วอย่างเรื่อง Lovers in Prague …. อาจจะพูดง่ายๆ คล้ายๆ กับประโยคที่ว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” เพราะเวลาที่มีความรัก หลายๆ คนก็คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะหน้ามืดตามัวได้อย่างไม่รู้ตัวและไม่เตรียมใจมาก่อน ก็เหมือนกับแฟลชจากกล้องถ่ายรูปที่อยู่ดีๆ ว้าบขึ้นมาจนเรามองไม่เห็นอะไร (และตาก็ยังมัวต่ออีกหลายนาที)

길을 더 보고 싶으면 계솟 움직여야 한다.

(คิลลึล ทอ โบโกชิพือมยอน คเยซก อุมจิกกยอยา ฮันตา)

สำหรับคำคมนี้มาจากทวิตเตอร์ของลีดเดอร์ FT Island “ชเวจงฮุน” สั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง(มาก) แปลว่า “ถ้าอยากเห็นหนทางที่มากขึ้น ก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง” หรือพูดภาษาชาวบ้านก็คือ “ถ้าอยากเห็นอะไรที่มากขึ้น ก็ห้ามหยุดเดินทาง” นั่นเองค่ะ

우리 모두는 누군가의 첫사랑이었다.

(อูรี โมตูนึน นูกูนกาเอ ชอทซารังงีออทตา)

ประโยคนี้มาจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเรื่อง 건축학개론(Introduction to Architecture) ซึ่ง “ซูจี Miss A” เล่น
ประโยคนี้ซึ้งมากๆๆๆๆ และ พี่เป้ เองก็ชอบมากๆๆ เลยค่ะ ความหมายคือ “เราทุกคนต่างต้องเคยเป็นรักแรกของใครสักคน”

โอ๊ย โดนมากกกก พี่เองก็คิดว่าน่าจะจริงนะคะ ต่อให้โตมาจะไม่มีใครมาจีบเลย แต่เชื่อเถอะว่าตอนเด็กๆ 3-4 ขวบ
น้องอาจจะเคยเป็นรักแรกที่เพื่อนเล่นแถวบ้านแอบปิ๊งก็ได้นะ ^^

누구나 본인이 한 행동이 옳다고 믿는다..! 그래서 문제인것같다..

(นูกูนา โพนอินนี ฮัน แฮงดงงี โอลตาโก มิทนึนตา คือแรซอ มุนเจอินกอทกัทตา)

สำหรับประโยคคำคมนี้มาจากเจ้าพ่อคำคมในทวิตเตอร์อย่าง ชานซอง 2PM (ทวิตทียาวเป็นหน้า) แต่สำหรับคราวนี้มาสั้นๆ แต่แอบโดน โดยประโยคนี้แปลว่า “ใครๆ ก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำน่ะเป็นเรื่องถูก และนี่แหละคือปัญหา!”

จริงที่สุดเลยเนาะ เราคิดว่าเราทำถูก อีกฝ่ายก็คิดว่าตัวเองทำถูก ดังนั้นต่างคนต่างคิดว่าตัวเองถูก ไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาจริงๆ แหละค่ะ เป็นความจริงหนึ่งเรื่องที่มนุษย์ทุกคนรู้แต่แก้ไม่ได้ >__<

인생 내 맘대로 되는 거 아니고, 나보다 잘난 사람 시기하고 질투해봤자 그 사람 복, 재능이 나한테 오지 않는다는 것.

(อินแซง แน มัมแตโร ทเวนึน กอ อานีโก นาโบตา ชัลลัน ซารัม ซีกีฮาโก ชิลตูแฮบวัทจา คือ ซารัม พก แชนึงงี นาฮันเท โอจี อันนึนตานึน กอท)

"ชีวิตน่ะมันไม่ได้เป็นไปตามใจที่ฉันคาดหวังหรอก ฉันเคยอิจฉาริษยาคนที่เก่งกว่าฉัน แต่ความสุขและความสามารถของคนๆ นั้น ก็ไม่เห็นจะมาหาฉันบ้างเลย"

โอ๊ยยยย โดนอีกแล้วจ้า คำคมนี้มาจากซีรีส์เรื่อง 내 딸 서영이 (ซอยอง ลูกสาวของฉัน) ... ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่อิจฉาคนอื่น และไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่ถูกคนอื่นอิจฉา ต่อให้เราเราอิจฉาใคร เช่น อิจฉาคนที่สวยกว่า แต่ความสวยของเขาก็ไม่ได้มาเป็นของเราแทน หรือ อิจฉาเพื่อนที่เรียนเก่งกว่า แต่ความเก่งของเพื่อนก็ไม่ได้ลอยมาเข้าสมองเราหรอก .... ใช่มั้ยคะ?

ดังนั้น หากเปลี่ยนการอิจฉาเป็น "การเอาแบบอย่าง" น่าจะดีกว่า น้องๆ ว่ามั้ย? และที่สำคัญ หากห้ามใจให้ไม่ให้อิจฉาไม่ได้จริงๆ ก็อิจฉาไปเถอะ (อ่าว 555 ) อิจฉาได้แต่อย่าริษยา เพราะริษยานี่อารมณ์แค้นเคืองอยากทำลาย ออกแนวน่ากลัวทีเดียว

사랑하는 만큼 말하고 행동하기

(ซา รัง ฮา นึน มาน กึม มาล ฮา โก แฮง ดง ฮา กี)

ประโยคนี้เจอจากหนังสือชื่อ 더 오래 더 예쁘게 사랑하는 팁 (ทิปให้รักอย่างสวยงามและยืนยาว) เห็นประโยคนี้แล้วสะดุดเลยค่ะ หากแปลตรงตัวจะแปลได้ว่า "บอกและทำให้มากเท่าที่รัก" หรือจะแปลให้เพราะๆ หน่อยก็จะแปลได้ว่า "แสดงออกและบอกรักให้มากเท่าที่รัก"

เชื่อว่าหลายคนคงเป็นพวกรักนะแต่ไม่แสดงออก ดังนั้นประโยคนี้มันใช่เลย!!! เพราะฉะนั้น รักมากแค่ไหน ก็ต้องบอกรักและแสดงออกให้มากเท่าที่รู้สึกนะ ไม่งั้นอีกฝ่ายเค้าอาจจะไม่รู้ด้วยนะเออ >___< เขินเลย ฮ่าๆๆ